ผู้เขียน หัวข้อ: Rec-1608 ทุกข์กว้างใหญ่ขนาดไหน  (อ่าน 959 ครั้ง)

thanapanyo

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4681
    • ดูรายละเอียด
Rec-1608 ทุกข์กว้างใหญ่ขนาดไหน
« เมื่อ: มกราคม 30, 2016, 06:19:19 am »





(ถอดความจากคลิป)

ธรรมะจากพระพุทธเจ้า วันที่ 30 มกราคม 2559
ตอนที่ 173 **ทุกข์กว้างใหญ่ขนาดไหน**

+ +
เมื่อพระยาธรรมิกราชได้เข้าเฝ้านอบน้อมต่อองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า  ได้ทูลถามคำถาม :
" ทุกข์นี้กว้างแค่ไหน ? "

พระพุทธองค์ได้ทรงเมตตาแสดงธรรมตอบกลับมา ดังนี้ว่า...
- - - -

พระยาธรรมเอ๋ย.. ทุกข์นี้กว้างไกลนัก กว้างมาก กว้างที่สุด
... กว้างเพราะว่ามันคลุมเราเอาไว้ ในทุกที่ ทุกแห่งหนที่เราไปอยู่

ลูกเอ๋ย.. ตราบใดก็ตาม หากว่าเรานี้ยังอยู่ในกองทุกข์ คือเชื้อของกิเลสตัณหา -- เราก็หนีจากมันไปไม่พ้นหรอกลูก
.. เพราะว่ามันอยู่ในเรา

ลูกเอ๋ย.. และที่บอกว่า มันกว้างยิ่งนัก ไม่รู้ว่ามันจะสิ้นสุดที่ตรงไหนนั้น
.. เพราะว่า เรายังอยู่ในมัน อยู่กับมัน ปนเปื้อนอยู่

เราจะไปในที่ไหน มันก็ตามเราไปด้วย
เราจะอยู่ในที่ไหน มันก็อยู่กับเราด้วย

เปรียบเสมือน สุนัขเหม็นเน่าตัวหนึ่ง ถ้าเกิดว่ามันยังไม่ชำระล้างกลิ่นเน่าของมันในตัว
ไม่ว่ามันจะไปอยู่ในที่ไหน / ไม่ว่ามันจะเดินทางไปไกลเท่าไหร่แล้ว กลิ่นเหม็นเน่าในตัวของมัน.. ก็ยังคงอยู่ เพราะว่ากลิ่นเน่านั้น..อยู่กับตัวของมัน

หรือจะเปรียบเสมือนคนๆหนึ่ง ที่เลอะเทอะสกปรก จนรำคาญตัว แต่ไม่ยอมอาบน้ำชำระล้างกายตน
บุคคลผู้นั้น แม้ว่าเขาจะเดินทางไปอยู่ในที่ไหน ไกลเพียงใด
-- จะเดินไปจนตายแล้ว เขาก็ยังหนีไม่พ้นจากกลิ่นเหม็นนั้น
-- ถึงแม้จะสิ้นสุดชีวิตของเขาแล้วก็ตาม.. เขาก็ยังคงมีกลิ่นเหม็นนั้นอยู่ จนกว่าจะดับจากกายนั้นไป

คือ กว้างนัก กว้างอย่างหาที่สิ้นสุดไม่ได้ -- เพราะว่า "มันมีอยู่ในเรา"

ลูกเอ๋ย.. ความทุกข์นั้นจึงกว้างขวางยิ่งนัก
ไม่มีใครหรอกลูก.. ที่จะวิ่งหนี แล้วจะหนีจากมันพ้น
ไม่มีใครหรอกลูก.. ที่จะไปอยู่ในที่ไหน เพื่อให้พ้นจากมัน
... นอกจากเราต้องฝึกจิตของตน ชำระล้างกิเลสตัณหา ชำระล้าง "สาเหตุของความทุกข์" ที่มันมีอยู่ในเรา ให้มันหมดสิ้นไปเท่านั้น

หากว่าเรายังไม่ได้ชำระล้างสิ่งที่มันยังเป็นทุกข์อยู่ในเรานั้น ออกไป --ต่อให้ลูกจะไปไกลแค่ไหน กว้างเพียงใด
... ความทุกข์นั้นก็ยังมี

พระยาธรรมเอ๋ย.. ความทุกข์นั้นครอบงำจิตทุกๆดวงที่ยังเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏสงสาร
และจิตทุกดวงที่ยังไม่ยอมชำระล้างความทุกข์ออกจากตน.. ก็ยังคงต้องอยู่ที่นั่น
ไม่มีใครหรอกลูกที่จะออกจากที่นั่นมาได้ -- เพราะว่าที่นั่น คือ ที่ที่จิตเหล่านั้นเขาต้องอยู่ / ต้องดำรงชีวิตไป

อาจจะวนขึ้นมาอยู่ในสวรรค์ ที่เป็นชั้นที่สูงขึ้นมา
อาจจะมีความเป็นทิพย์ มีความสุข ความสบายมากกว่า
... แต่ท้ายที่สุด เขาก็ต้องวนไปอยู่ในที่ที่ต่ำกว่าอยู่ดี

และถึงแม้ว่าจะอยู่ในสวรรค์ - ความทุกข์นั้นก็ยังมี
ถึงแม้จะอยู่ในที่ไหน จะเกิดอยู่ในกายใด - ความทุกข์นั้นก็ยังมี
++ ขึ้นอยู่กับว่า จะมีมาก หรือจะมีน้อยเท่านั้น ++

ดวงจิตทุกดวงถูกความทุกข์ครอบงำ.. จึงไม่สามารถที่จะเดินหนีออกจากมันได้เลย
// ไม่ว่าจะเปลี่ยนกายแล้วจากเปรต อสุรกาย.. มาเป็นสัตว์เดรัจฉานแล้วก็ตาม - ความทุกข์ก็ไม่หายไป
// ไม่ว่าจะเปลี่ยนกายจากสัตว์เดรัจฉาน.. มาเป็นมนุษย์แล้วก็ตาม - ความทุกข์นั้นก็จะยังไม่หายไป
// ไม่ว่าจะเปลี่ยนกายจากกายของมนุษย์ ไปเป็นกายของเทพเทวดาแล้วก็ตาม - ความทุกข์นั้นก็จะไม่หายไป
-- เพราะว่ามันกว้างขวางยิ่งนัก และมันมีอยู่ในนี้เอง --

หากว่าเรานี้ต้องการที่จะหลุดจากความทุกข์ เราก็มีหนทางแค่ทางเดียวเท่านั้น.. ลูกเอ๋ย
คือ **การประพฤติ ปฏิบัติ บำเพ็ญตน เพื่อชำระล้างกิเลสตัณหา** คือ เหตุของทุกข์ในตนให้ได้ เพื่อออกจากที่นั่นให้ได้
... แล้วลูกจึงจะพ้นทุกข์ได้เท่านั้น
ตราบใดก็ตามที่ยังอยู่ในวัฏสงสารอยู่ ไม่มีทางหรอก -- ว่าลูกนั้นจะเดินหนีพ้นจากมันได้ --

บางคนก็เข้าใจว่า เพราะเราเป็นมนุษย์อย่างนี้ เราก็เลยเป็นทุกข์ ..ถ้าเกิดว่าเราตายไป เราก็คงจะไม่ทุกข์แล้ว
-- แต่เมื่อตายไป ก็ทุกข์อยู่ดี --

บางทีฆ่าตัวตายเพื่อหนีทุกข์ แต่ตายไปแล้ว - ยังต้องถูก *กฎแห่งกรรม* ควบคุมให้ต้องทุกข์ยิ่งกว่าอีก
บางทีก็คิดว่า เมื่อชดใช้กรรมจากในนรก หรือที่ที่ถูกรรมควบคุมให้ชดใช้นั้นหมด
พอไปเกิดเป็นสัตว์แล้ว พ้นจากนรกไปแล้ว ไปเกิดเป็นมนุษย์แล้ว ก็คงจะไม่ทุกข์แล้ว
- แต่พอมาเกิด ก็ทุกข์อยู่ดี …

บางคนคิดว่าทำดีเยอะๆ ทำดีมากๆ พอตายแล้วไปเกิดอยู่ในสวรรค์.. จะได้ไม่ต้องทุกข์อีก
พอไปเกิดอยู่ในสวรรค์เข้าจริงๆ.. ก็ไม่เห็นว่ามันจะพ้นจากความทุกข์เลย

ลูกเอ๋ย.. แม้ว่าเราจะหนีจากโลกนั้น ไปอยู่โลกนี้ หนีจากกายนั้นไปอยู่ในกายนี้ - ความทุกข์ก็ยังไม่ดับเลย

ฉะนั้น การที่เราอยู่ในที่ที่หนึ่ง และเรากำลังเป็นทุกข์อยู่ เราอาจจะคิดว่า อยู่ที่นี่แล้วเป็นทุกข์หนอ หนีไปอยู่ที่อื่น คงจะไม่ทุกข์แบบนี้
... แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่เราคิดเอง เพราะในความเป็นจริงแล้ว ความทุกข์นั้นมีอยู่ในเราต่างหาก
+ เพราะว่าเรายังยึดถืออยู่
+ เพราะว่าเรายังมีตัวมีตนอยู่
+ เพราะว่าเรานี้ ยังมีมานะทิฏฐิอยู่
+ เพราะว่าเรายังลุ่มหลงอยู่

สิ่งเหล่านี้ คือสิ่งที่ทำให้เราเป็นทุกข์ต่างหาก !
เพราะว่ายังมีเราอยู่ ไม่ว่าเราอยู่ในที่ไหนๆ เราก็เลยยังต้องมีหน้าที่อยู่ มีสิ่งที่สมมุติว่าเป็นเรา เป็นของของเราอยู่
... สิ่งเหล่านั้นต่างหาก คือ ความทุกข์ที่มีอยู่ในเรา

ลูกเอ๋ย.. การที่เราจะหนีไปในที่ใดที่หนึ่ง เพื่อให้หนีความทุกข์ได้นั้น จึงไม่สามารถหนีพ้นเลย...
- เพราะความทุกข์ มีอยู่ในเรา
- เพราะความทุกข์นั้นติดอยู่ในเรา

นอกจากเรานี้ ต้องหมั่นฝึกฝนอบรมตน ชำระล้างความทุกข์ที่อยู่ในตัวของเราออกไปจนหมด
ชำระล้างความทุกข์ที่มีอยู่ในเราจนหมด สะอาด ออกไปจากจิตตน
** ตนจึงสามารถที่จะหลุดพ้นทุกข์ได้ **

ลูกทั้งหลาย.. ในวัฏสงสารเขาก็เป็นเช่นนี้
คือ มีทุกข์อย่างนี้
คือ ความไม่เที่ยงแท้ ที่มันมี ตั้งขึ้นอยู่ และดับไป
คือ กฎแห่งกรรม ที่เราทำสิ่งใดไปแล้ว ..สิ่งนั้นก็จะตีกลับมา

ถึงแม้ว่าเราจะดูว่าเราก็ทำดีแล้ว แต่ความดีของเรา อาจจะดีแล้วสำหรับเรา
..ในความเป็นจริงอาจจะยังไม่ดีก็ได้
กรรมเหล่านั้นก็จะส่งผลมาให้เราเป็นทุกข์
-- ตราบใดที่ยังอยู่ในโลกใบนี้ ปัญหาก็ย่อมต้องมีเป็นธรรมดาอยู่แล้ว เพราะว่าโลกนี้ เขาก็เป็นของเขาเช่นนี้ --

และเราเกิดมา อยู่ในโลกใบนี้.. แน่นอนว่าเราก็ต้องเป็นไปเช่นนั้นเหมือนกัน
-- จนกว่าเราจะเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น คือ เรานี้จะบำเพ็ญ ปฏิบัติ ยกจิตของตนให้ออกจากที่นี่ ให้ได้เท่านั้นเอง --

ลูกเอ๋ย.. ความทุกข์นั้นที่เราวิ่งหนีมัน.. อาจจะหนีไม่พ้นหรอกลูก
แต่ถ้าเราศึกษาว่า "ทุกข์นั้น คืออะไร"
แล้วเราค่อยๆฝึกที่จะชำระล้างมัน ที่จะดับมันไปจากเราให้ได้
... สักวันหนึ่ง เราก็จะทำได้ในที่สุด เราจึงจะสามารถพ้นทุกข์อย่างแท้จริง

ความทุกข์นั้น หนีไม่พ้น !
ความทุกข์นั้น จะพ้นได้อย่างเดียวก็คือ "เราต้องอยู่เหนือมันให้ได้ ไม่ใช่หนีมันไป"
เพราะตราบก็ตามที่เรายังแค่หนีมัน-- เราไม่มีทางหนีพ้นหรอกลูก เพราะมันอยู่ในตัวเรานี้เอง / อยู่ในทุกที่ ทุกแห่งหน ในวัฏสงสารนี้ ++

แต่หากว่าเรา...
// ฝึกฝนตน ให้เข้มแข็ง
// ฝึกฝนตน ให้อยู่เหนือมัน
// ฝึกฝนตน ให้ชำระล้างมันออกจากเราไป
-- โดยที่เรานี้ยกจิตตนขึ้นให้สูงขึ้นเหนือมัน .. รู้ทัน เข้าใจทัน ว่าความทุกข์เหล่านั้น ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา
* เราก็จะสามารถพ้นทุกข์ได้.. ลูกเอ๋ย

** ดับทุกข์ได้ แต่หนีทุกข์ไม่ได้.. ลูกเอ๋ย

-- จงประพฤติ ปฏิบัติ บำเพ็ญตนเพื่อดับทุกข์เถิด อย่ามัวแต่หนีทุกข์เลย.. เพราะทุกข์นั้นกว้างใหญ่นัก และคลุมลูกเอาไว้อยู่แล้ว -- 

สาธุ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 20, 2016, 02:33:13 am โดย thanapanyo »