ผู้เขียน หัวข้อ: Rec-1495 สิ่งใดที่เป็นของเรา  (อ่าน 1424 ครั้ง)

thanapanyo

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4508
    • ดูรายละเอียด
Rec-1495 สิ่งใดที่เป็นของเรา
« เมื่อ: พฤศจิกายน 27, 2015, 06:12:00 am »





ธรรมะจากพระพุทธเจ้า วันที่ 28 พฤศจิกายน 2558
ตอนที่ 109 **สิ่งใดที่เป็นของเรา**

+ +
เมื่อพระยาธรรมิกราชได้เข้าเฝ้านอบน้อมต่อองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทูลถามคำถาม ::
“ สรรพสิ่งทั้งหลายในโลกใบนี้ มีอะไรบ้างที่เป็นของเรา และมีอะไรบ้างที่ไม่ใช่ของเรา ? "
พระพุทธองค์ได้ทรงเมตตาแสดงธรรมตอบกลับมา ดังนี้ว่า…
- - - -

พระยาธรรมเอ๋ย.. ในโลกใบนี้ มีสิ่งต่างๆมากมาย ที่สมมุติขึ้นมาว่า "เป็นเรา เป็นของของเรา" --
/ ไม่ว่าจะเป็นร่างกายของเรา ร่างกายของบุคคลผู้อื่นที่สมมุติว่าเป็นคนของเรา
/ ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สิน ข้าวของ เงินทอง
/ ไม่ว่าจะเป็นหนี้สิน ปัญหา ความทุกข์ใจ ความทุกข์กาย
... สิ่งต่างๆทั้งหลายบนโลก ก็ล้วนแล้วแต่สมมุติว่าเป็นของเราทั้งนั้น...

แต่ในความเป็นจริงแล้ว ลูกเอ๋ย.. สิ่งที่เป็นของเราอย่างแท้จริงนั้น มีอยู่เพียงสิ่งเดียว ก็คือ **ดวงจิต**
..ดวงจิตที่ไม่เคยตาย ที่สามารถชำระล้างให้สะอาด บริสุทธิ์ ให้หลุดให้พ้นจากความทุกข์ พ้นจากสิ่งสมมุติทั้งปวง นั่นคือ "ของเราอย่างแท้จริง"

แต่ส่วนสิ่งอื่นๆแล้วนั้น ก็ล้วนแล้วแต่เป็น *สิ่งสมมุติทั้งนั้น* ลูกเอ๋ย..
ไม่ว่าจะเป็นร่างกายนี้ เป็นสิ่งของ ข้าวของต่างๆ.. ก็ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งสมมุติ

ถ้าจะเปรียบเทียบก็คงจะเหมือนบันไดสักแห่งหนึ่ง ที่มีหลายๆขั้นมาก ที่ให้เราเลือกที่จะเดินขึ้นบันได หรือเดินลงบันไดเท่านั้น แต่บันไดเหล่านั้น หรือบันไดแห่งนั้น-- ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของของเรา

สิ่งสมมุติทั้งหลายในโลก เป็นสิ่งที่เข้ามาเพื่อทดสอบเรา ว่าเราจะทำความดี.. เพื่อให้เลื่อนจิตของเรา--ให้สูงขึ้นไป // หรือว่าเรานั้นจะทำความชั่วให้จิตของเรานั้นตกต่ำลงไป
เขาเหมือนบันไดแห่งหนึ่ง ที่ให้เราเลือกเดิน เท่านั้น.. แต่เราก็คือ เรา.. ลูกเอ๋ย

** เมื่อเราเดินขึ้น..ขึ้นไปแล้ว // บันไดก็เป็นบันได เราก็เป็นเรา **
มันแค่ส่งให้เราสูงขึ้นไปได้เฉยๆ -- แต่มันกับเรานั้น ก็ไม่ใช่อันเดียวกัน
> อย่าไปเผลอยึดติด เผลอลุ่มหลงว่าบันได้นั้น เป็นเรา / เป็นของของเรา

คือ สิ่งสมมุติทั้งหลาย สมมุติว่ามีเงิน-- เพื่อจะได้นำเอาเงินนั้น
/ ไปสร้างคุณประโยชน์ /สร้างสิ่งที่ก่อเกิดประโยชน์ แก่ตน และผู้อื่น..
/ ไปทำบุญ ไปสร้างสิ่งที่ดี เพื่อเลื่อนจิตแห่งตนไปสู่ในจุดที่สูงขึ้นเท่านั้น
-- แต่ไม่ได้มีเพื่อให้ตนนั้นลุ่มหลงในเงิน และนำไปสร้างสิ่งที่ก่อเกิดกรรม เกิดโทษ หรือว่าลุ่มหลงในเงินจนยอมสร้างกรรมชั่ว เพื่อให้ได้มันมา --

การมีร่างกาย ร่างกายนี้ก็มีไว้เพื่อแค่ให้เราได้สร้าง/ได้ทำความดี
เอาร่างกายนี้ไปทำสิ่งที่ก่อเกิดประโยชน์ ให้ได้มากที่สุด ในช่วงเวลาที่ยังมีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้ -- เพื่อที่จิตของตนจะได้เลื่อนไปสู่จุดที่สูงยิ่งๆขึ้นไปเท่านั้น
> แต่ไม่ใช่ให้ลุ่มหลง ยึดถือ ยึดมั่นในกายนี้-- แล้วยอมตกเป็นทาสของมัน ยอมสร้างกรรมทุกอย่างที่ไม่ดี..เพื่อมัน

บางคนลุ่มหลงในร่างกาย จนลืมความตาย ลืมความเสื่อมสลายที่จะเกิดขึ้น/ จนเบียดเบียนจิตแห่งตน ทำให้ตนนั้น จมอยู่กับความทุกข์
บางคนลุ่มหลงในร่างกาย จนยอมฆ่าตัวตาย เพราะตนเป็นทุกข์เรื่องนั้นเรื่องนี้ เป็นทุกข์เพราะร่างกายของผู้อื่น
ยึดมั่นถือมั่นในสิ่งสมมุติทั้งหลาย.. จนเอามาทำร้ายจิตของตน ทำร้ายตน/ จนหาทางออกไม่ได้
... ท้ายที่สุดก็เลยฆ่าตัวตาย ทำให้ตนนั้นตกต่ำลงไป ...

พระยาธรรมเอ๋ย.. สิ่งสมมุติทั้งหลายเหล่านั้น จึงเป็นเหมือนแค่บันไดที่สมมุติขึ้นมา ให้เราเดินขึ้นเท่านั้น // แต่ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของของเรา เขาไม่ใช่เรา.. ลูกเอ๋ย

เขาเป็นสิ่งที่ทำให้เราสามารถขึ้น หรือลงได้ คือ ระดับของภูมิจิตนั้นจะตกต่ำลงไป หรือจะสูงขึ้นไปเท่านั้น
เขาเป็นเพียงสิ่งที่ทดสอบเรา / ทดสอบความลุ่มหลงของเราเท่านั้น.. ลูกเอ๋ย
สิ่งสมมุติทั้งหลาย จึงไม่ใช่ตัวตนของเรา ไม่ใช่ของของเรา ไม่ว่าจะเป็นร่างกายนี้ ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สิน ข้าวของเงินทอง หรือจะเป็นอะไรก็ตาม ทั้งสิ่งที่ดี และสิ่งที่ไม่ดี

สิ่งต่างๆเหล่านั้น ล้วนแล้วแต่ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของของเราทั้งนั้นเลย.. ลูกเอ๋ย
เขาเป็นเพียงสิ่งที่จะมาทดสอบให้เรา "ขึ้น" หรือว่า "ลง" ตามใจเรา / ตามความลุ่มหลงที่มีอยู่ในเรา
แต่เรายึดถือเขาเอาไว้ไม่ได้ > ว่าให้เป็นเช่นนั้น หรือเช่นนี้

การเดินทางของจิตที่เกิดขึ้นมาแล้ว ก็จะต้องเดินทางไปเรื่อยๆตามกาลเวลา-- จะมีสิ่งสมมุติต่างๆทั้งหลาย เข้ามาทดสอบเราให้ลงหรือว่าขึ้น ตามที่เราจะลุ่มหลง หรือว่าไม่นั้น...

เมื่อหมดเวลาของเรา คือ "ชีวิตหลังความตายแล้ว-- เราจึงทิ้งทุกสิ่ง จมทุกอย่างเอาไว้ในโลก"
นำสิ่งใดไปด้วยไม่ได้ นอกจากการกระทำของเราเท่านั้น เพราะนั่นคือการที่เราเลือกเดิน
--  เลือกที่จะเดินขึ้น /หรือเดินลง !

> ถ้าเกิดว่าเรานั้นเลือกที่จะเดินขึ้น เราก็ทำความดี ไม่ลุ่มหลงกับมัน..
-- สิ่งที่ดีเหล่านั้น ก็จะไปค้ำหนุนจิตของเราให้อยู่ในจุดที่สูงยิ่งๆขึ้นๆไป --

> ถ้าเกิดว่าเราเลือกที่จะทำความชั่ว -- ความชั่วเหล่านั้นก็จะเป็นตัววัด และดึงเราลง --

พระยาธรรมเอ๋ย.. เกิดมาบนโลกนี้แล้ว ทุกคนก็แค่เกิดมา เดินทางตามเหตุและปัจจัย มีสิ่งต่างๆทั้งหลายมาทดสอบให้เราเดินไปเท่านั้น.. ลูกเอ๋ย 
ไม่มีสิ่งใดเป็นเรา เป็นของเราเลย -- แม้แต่ร่างกายนี้ ก็มีไว้เพื่อช่วยให้เราทำความดีเท่านั้น
> ร่างกาย และสิ่งสมมุติทั้งหลาย.. จึงไม่ใช่ของเรา

ส่วนสิ่งที่เป็นของเรานั้น ก็คือ..ดวงจิต
* ดวงจิต ที่เป็นสิ่งที่ไม่เคยดับ ไม่เคยตาย
* ดวงจิตที่เวียนว่ายตายเกิดไม่รู้จบ.. ตามกรรมแห่งตน
* ดวงจิตนั้นเป็นของเราอย่างแท้จริง

ถ้าเกิดว่าเราสร้างคุณงามความดี ทำแต่สิ่งที่ดี จนยกจิตดวงนั้นให้หลุดพ้นจากการเกิดได้แล้ว
-- จิตดวงนั้นก็ยังคงเป็นจิตอยู่ ไม่เสื่อม ไม่สลาย ไม่หายไป --
เพียงแต่เป็นจิตที่เป็นอิสระ และหลุดพ้นจากทุกสิ่งทุกอย่างที่ไม่ดี / ที่ทำให้จิตนั้นเป็นทุกข์เท่านั้น...

พระยาธรรมเอ๋ย.. จิตจึงเป็นของเรา เพราะว่ามันมีอยู่ตลอดไป ไม่มีการเสื่อม การสลาย ดับไป
จิตนั้น จึงเป็น "สิ่งที่เป็นของเราอย่างแท้จริง"

ฉะนั้น.. เราจึงควรรู้ว่า สิ่งสมมุติทั้งหลาย ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา...
เราจงอย่าเอาสิ่งสมมุติเหล่านั้นมาเบียดเบียนจิต ทำให้จิตนั้นต้องตกไปสู่ในจุดที่ต่ำ ต้องเกิดไปเป็นเปรต อสุรกาย ชดใช้กรรมเลย

-- จงสร้างคุณงามความดี เพื่อยกระดับของจิตให้สูงยิ่งๆขึ้นไป.. จนกว่าจะพบกับความพ้นทุกข์เถิด--

สาธุ

& &
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 17, 2016, 02:22:19 pm โดย thanapanyo »