« เมื่อ: กรกฎาคม 25, 2015, 10:14:24 am »
ธรรมะเปิดโลก วันที่ 25 กรกฎาคม 2558
ตอนที่ 98 **สีขาวกับสีดำ**
เมื่อพระยาธรรมิกราชได้เข้าเฝ้าต่อองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ท่านได้ทรงแสดงธรรมกลับมา ดังนี้ว่า
- - - -
ลูกทั้งหลายเอ๋ย.. ลูกนั้นทำความเข้าใจกับสิ่งที่ลูกควรจะได้รู้คือ “ขาว” กับ “ดำ” ต่างกันตรงไหน
ลูกทั้งหลาย.. ขาวกับดำนั้น ลูกบางคนอาจจะแยกไม่ถูกว่า มันเป็นแบบไหน เป็นยังไง
สีขาว ก็คือ สีขาว
สีดำ ก็คือ สีดำ
... มันก็ต่างกันที่ดำ กับขาว น่ะแหละ
แต่ความหมายของธรรม ที่ลึกไปกว่านั้นก็คือ สีดำกับสีขาว คือ “ชั่ว” กับ “ดี”
ชั่ว กับดี นั้นก็มีสิ่งที่ต่างกันไปอีก
ดี คือ สีขาว - สีขาว คือ สิ่งที่สว่างเจิดจ้า *สะอาดและบริสุทธิ์*
... มองไปเห็นสรรพสิ่ง เห็นแจ้งในทุกอย่าง ไม่มีสิ่งใดที่ทำให้ต้องมัวหมอง มืดมิด ทำให้ตนนั้นต้องเศร้าหมองทุกครั้งไป
สีดำ ก็คือ *กรรม /กรรมชั่ว /ความชั่ว*
ความชั่ว นำทางไปสู่ความมืดมิด มืดบอดในชีวิต ต้องพบแต่กับความทุกข์ จมอยู่กับความมืด ไม่มีทางที่จะแสวงหาทางออกจากความมืดนั้นได้เลย
ลูกทั้งหลายเอ๋ย.. บุคคลที่เจอกับสีขาว นั้นย่อมมีแสงสว่างเจิดจ้า เกิดขึ้นในตนเอง..
ต้องมีพลังแห่งดวงจิตแห่งดวงจิตของตนนั้น นำทางให้ตนให้พบกับความดี คือ ความสุข
/ ความสุข คือ สิ่งที่ได้มาจากบุญ
/ บุญ คือ ความดี
/ ความดี ก็คือ สีขาว
/ สีขาว ก็คือ แสงสว่าง
ผู้ที่พบกับบุญนี้ พบกับแสงสว่างนี้ ..
// ย่อมไม่มีทางที่จะหลงทาง
// ย่อมไม่มีทางที่จะเป็นทุกข์
// ย่อมไม่มีทางที่จะมืด ในชีวิตของตน
... แม้บางครั้งเดินทางไปในชีวิต อาจเจอกับปัญหาเรื่องนั้นเข้ามา เรื่องนี้เข้ามา
แต่หากว่า ดวงจิตของเรา มีศีล / มีธรรม / มีความดี > ย่อมมีแสงสว่างในจิต
-- เมื่อมีแสงสว่างในจิต.. ย่อมพบกับทางออกในที่สุด --
บุคคล หากเดินทางไปพร้อมกับแสงสว่าง ย่อมมองเห็นได้ชัดว่า
ตรงนี้ มีหลุมมีบ่อ ต้องเดินข้าม - ถ้าไม่ข้ามอาจจะทำให้ล้มได้
ตรงนี้มีหนาม อย่าไปจับมัน - ถ้าจับ มันต้องทิ่มมือ ทำให้เจ็บปวด
ตรงนี้มีก้อนหิน กีดขวางทางอยู่ ต้องเดินข้ามมัน - ถ้าไม่อย่างนั้น อาจต้องหกล้ม
.. ตรงนี้ทางเรียบ ตรงนี้ลงดอย ตรงนี้ขึ้นดอย ตรงนี้เป็นป่า ตรงนี้น่าอยู่น่าอาศัย ตรงนี้ป่ารกจริงๆ…
ย่อมมองเห็นชัดในเส้นทางที่เราเดิน..
... ในเมื่อเรามองเห็นชัดแล้ว ย่อมรู้หลบรู้หลีก รู้หลีกเลี่ยงในเส้นทางที่เราจะไป ถึงแม้ว่าเราจะต้องเจอกับสิ่งต่างๆเหล่านั้น แต่เราก็จะรู้ เห็น และทันมันแล้ว.. > เพราะว่าเรามีแสงสว่าง คือ *ความดี*-- คือมีแสงสว่างที่ส่องทางให้เรานั้นเดินไป
ไม่ว่าเราจะเจอกับอะไร เราก็รู้ทันมัน เห็นทันมันเข้าใจ แล้วก็หลบได้ // ถึงแม้ว่าจะโดนมันบ้างนิดๆหน่อยๆ
เหนื่อยบ้าง แต่เราก็ไม่ต้องถูกมันทำร้าย ไม่ต้องหกล้ม ไม่ต้องเจ็บเพราะมัน
เส้นทางแห่งความสว่างนี้ คือ *สีขาว*
*สีขาว* จึงส่งผลให้คนที่เลือกเดินไปในทางสีขาวนั้น ได้ปราศจากความทุกข์ / ได้มีแสงสว่างในการนำทาง
ไม่ว่าต้องเผชิญกับสิ่งใด รู้ / เห็น อยู่ตลอดเวลา..
บุคคลผู้นั้น.. ย่อมไม่หกล้ม ไม่จมอยู่ ทุกข์อยู่ ไม่ร่ำไห้คร่ำครวญ เป็นทุกข์- เพราะเส้นทางชีวิตของตน
แต่บุคคลที่เลือก “สีดำ”
สมมุติว่า ชีวิตเลือกทำการกระทำ คือ “ความชั่ว” คือ การสร้างการเบียดเบียนผู้อื่นทั้งหลาย ทำให้ผู้อื่นนั้นต้องเป็นทุกข์..
> ในที่สุดความทุกข์นั้น ก็ต้องกลับมาตกอยู่ที่ตนเอง เพราะตนได้เลือกการกระทำในทางที่ชั่ว เลือกสีดำเข้ามาในชีวิตของตน
บุคคลที่เดินไปในที่ที่มืด ย่อมมองไม่เห็นอะไรเลย...
ที่มืดนั้น ย่อมน่ากลัว วังเวง และทำให้ตนนั้นต้องคอยผวา พะวง เป็นทุกข์ ร้องไห้ คร่ำครวญ วนอยู่ในความมืดนั้น หาทางออกไม่เจอ แม้จะเดินไปในทางไหน ก็ไม่รู้ว่า จะย่างก้าวไปเหยียบตรงไหนดี จะเหยียบไปลงที่ตรงไหน ก็กลัวว่าจะตกหลุม ตกบ่อ หนามจะทิ่มเท้าหรือเปล่า จะไปสะดุดก้อนหินที่กีดขวางทางอยู่ จนหกล้มหรือเปล่า หรือจะไปหยิบโดนหนามทิ่มแทงมือ โดนตนเองเป็นบาดแผลหรือเปล่า
จะย่างก้าวเท้าไปตรงไหน ก็จะเป็นทุกข์ และไม่กล้าที่จะเดินต่อไป ย่อมแน่นอนว่า...
-- ต้องจมอยู่กับความทุกข์ความมืดตรงนั้น เพราะตนมองไม่เห็นทาง ไม่รู้ว่าจะไปทางไหนดี --
และถึงแม้ว่าจะเดินไปตามทาง บางทีก็ตกหลุมบ้าง ตกบ่อบ้าง ต้องโดนหนามทิ่มบ้าง เป็นแผล หกล้ม ล้มลุกคลุกคลาน เพราะความมืดมิดนั้น
ลูกทั้งหลายเอ๋ย.. ในเหตุของทุกข์ จึงก่อเกิดขึ้นในกลุ่มที่เลือกสีดำ
ขาว กับ ดำ ต่างกันตรงไหน..
ต่างกันที่ว่า มันมืด กับ สว่าง
บุคคล เดินทางในเวลา ”กลางคืน” ย่อมมืดมิด และมองไม่เห็นอะไร
บุคคล เดินทางในเวลา “กลางวัน” ไม่ว่าจะมีอะไรกีดขวางทางอยู่ ย่อมมองเห็นตลอดทาง
ลูกทั้งหลายเอ๋ย.. ในภาษาธรรมนั้น แยกแยะระหว่างขาว กับ ดำ เช่นนี้แหละลูก..
ขาว
คือ ความดี / ความสว่าง
คือ ความเห็นแจ้งในทุกสิ่งทุกอย่าง
คือ ความพ้นทุกข์
คือ ความสุข แสงสว่างที่นำทาง
ดำ คือ ความชั่ว”
ความชั่วคือ ความมืดที่จะไม่มีอะไร วนอยู่ในความทุกข์นั้นไม่มีวันจบสิ้น
ลูกทั้งหลาย.. ในวันนี้ได้แยกระหว่างขาวกับดำ ให้ลูกนั้นได้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่า เป็นแบบไหน..
ลูกจงเลือกเถิดลูก เลือกที่การกระทำของเรา เพราะการกระทำของเรานั้น จะนำพาดวงจิตของเราให้ไปเจอกับสีไหน
ถ้าเราเลือกที่จะทำดี เราก็ไปเจอกับสีขาวที่มีแสงสว่าง..
แต่ถ้าเกิดว่าเราเลือกที่จะทำความชั่ว เราก็จะไปเจอกับสีดำ ที่เป็นความมืด ความทุกข์นั้น
แต่หากว่าเราเลือกทั้งดำและขาว ทำดีบ้าง-ทำชั่วบ้าง ย่อมแน่นอนว่า ชีวิตของเราก็จะมีทั้งช่วงที่มืด และช่วงที่สว่าง หรือ อาจจะเจอ แสงสว่างที่ไม่สว่างอย่างแท้จริง // เจอความมืดที่ไม่มืดมาก
... ทำให้เราพอจะเดาได้บ้างว่าจะต้องเจออะไร
-- แต่ในที่สุด เราก็ต้องตกทุกข์อยู่ดี.. เพราะยังมีความมืดมาบังตาเราอยู่--
ลูกทั้งหลาย.. ลูกจงพิจารณา-- แล้วเลือกการเดินทางของจิตลูก ด้วยการกระทำเถิด
ทุกการกระทำของเรา จะสามารถส่งผลให้เส้นทางการเดินทางของชีวิต / ดวงจิตนั้น > ไปสู่ในทิศทางใด
ชีวิต หมายถึง ไม่ใช่แต่เพียงในภพนี้
ชีวิต คือ หมายถึง ชีวิตของดวงจิตเรา ที่เขาจะต้องเดินทางไปในภพหน้าด้วย
การกระทำอันใดที่เราจะจัดเตรียมไว้กับชีวิตของเรา -- จึงควรนึกถึงชีวิตที่แท้จริง
ไม่ใช่นึกถึงแต่เพียง ณ วันนี้ / ตอนนี้
เพราะหากว่าดับจากสังขารนี้ไป ชีวิตของเราก็ยังไม่ดับลง ยังคงต้องไปต่อ /วนต่อ ด้วยบุญและกรรมชั่วที่เราได้กระทำนั้น
ไม่ว่าจะขาวหรือดำ ตามที่เราได้ก่อเอาไว้ > จงสร้างสีขาว สร้างแสงสว่าง ไว้รองรับจิตของตนเถิด
-- อย่ามัวแต่ปิดกั้นจิตแห่งตนให้เจอแต่ความมืดเลย --
จงกระทำเช่นนี้ ทุกๆคนต่อไปเถิด
สาธุ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 25, 2015, 08:07:48 pm โดย thanapanyo »

บันทึกการเข้า