« เมื่อ: กรกฎาคม 22, 2015, 06:32:08 am »
(ถอดความจากคลิป)
ธรรมะเปิดโลก วันที่ 22 กรกฎาคม 2558
ตอนที่ 95 **เมื่อปรารถนาความสุข**
เมื่อพระยาธรรมิกราชได้เข้าเฝ้าต่อองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ท่านได้ทรงแสดงธรรมกลับมา ดังนี้ว่า
- - - -
ลูกทั้งหลายเอ๋ย.. ลูกลองชั่งดูเถิดว่า ในความสุขที่ลูกตามหา แสวงหา สิ่งทั้งหลายนั้น..
ในสิ่งที่ลูกได้เจอ -- เจอความสุขมากกว่า / หรือเจอความทุกข์มากกว่า
ลูกทั้งหลาย.. ให้ลูกทุกๆคนลองพิจารณาตามนี้ดูเถิดว่า ถ้าสมมุติว่าเราปรารถนาที่จะมีความสุข จากสิ่งใดสักสิ่งหนึ่ง แล้วเมื่อเราได้ความสุขจากสิ่งนั้นมา ความสุขอันจอมปลอมที่หลอกเรานั้น หลอกให้เราหลง แล้วคิดว่าจะเป็นสุขเพราะมัน..
> มันมีมากกว่าความทุกข์ -- หรือว่าความทุกข์มีมากกว่า ความสุขอันนั้น ?
ลูกทั้งหลายเอ๋ย.. สมมุติว่า ถ้าเราปรารถนาที่จะมีสิ่งใดสักสิ่งหนึ่ง แล้วเมื่อเราได้สิ่งของนั้นมา เราเกิดความสุขในชั่วครั่งชั่วครู่ สักพักหนึ่ง และก็เริ่มเกิดความทุกข์ กับสิ่งนั้น.. เกิดความทุกข์ไปจนกว่า ของสิ่งนั้น สิ่งนั้นๆจะหายไป
-- เมื่อหายไป ความทุกข์ก็มากยิ่งกว่า ความสุขที่ได้มาอีก --
อย่างสมมุติว่า ถ้าลูกนั้นปรารถนาที่จะได้โทรศัพท์แพงๆ สวยๆสักเครื่องหนึ่ง เพื่อลูกจะได้มีความสุขกับสิ่งที่ได้มานั้น แต่พอได้มาแล้ว ลูกก็มีความสุขตอนที่ได้มา.. แต่เงินล่ะลูก เงินที่ลูกต้องหาไปซื้อ กว่าจะสะสมได้ ...
บางที พ่อแม่ ต้องทำงานเป็นเดือน
บางที ต้องเก็บเงินอยู่หลายเดือน กว่าจะสะสมได้ เพราะว่าไม่มีเงินสดเยอะพอที่จะไปซื้อ
> ทีนี้เกิดความทุกข์ จากการที่เราต้องสั่งสม ต้องเก็บออม ...
แต่พอได้มา เราก็อาจจะมีความสุขอยู่สักแป๊บหนึ่ง ระยะหนึ่ง ..
บางที ทำตกบ้าง ทำหายบ้าง เสียไปบ้าง-- เราก็เกิดความช้ำใจ ทุกข์ใจ เสียใจ
บางทีเมื่อซื้อได้มาแล้ว เราก็ไม่เห็นจะมีความสุขอะไรเท่าไหร่ มันก็แค่นั้นแหละ ซื้อมาก็เป็นอย่างนั้นเอง..
เมื่อได้ครอบครองแล้ว ก็ไม่เห็นจะเกิดประโยชน์อะไรแก่เรามากมาย -- เราก็แค่ดิ้นรน ขวนขวายไปอย่างนั้นเอง
... และเราก็ไม่ได้สนใจ หรืออยากจะได้มันอีกแล้ว ...
มันก็เป็นแค่นั้นเอง สิ่งที่เราคิดว่า มันจะเป็นความสุขกับเรา > มันก็กลับกลายเป็นความทุกข์ให้กับเรา มากกว่าความสุขเสียอีก ..
บางที คนอื่นเขาขโมยไป เขาเอาไป เราก็ต้องมานั่งเสียดายที่มันต้องหายไป
นี่แหละลูก คือ “ความไม่แน่นอนเที่ยงแท้ของสรรพสิ่ง”
< มันมีมา มันก็จะมีไป >
เมื่อมันมา เราก็มีความสุข เมื่อมันไปเราก็มีทุกข์ ขวนขวายกว่าจะได้มา
หากว่าหายไป ขวนขวายมากเท่าไหร่ ก็ทุกข์มากเท่านั้น หรืออาจจะทุกข์มากกว่า 2-3 เท่า
ความทุกข์มีมากกว่าความสุขอีก.. ลูกเอ๋ย
แล้วอย่างสมมุติว่า ถ้าเราคิดว่า ถ้าได้สามีของคู่อื่น คนนี้ คนนั้นมาเป็นสามีตน คงจะมีความสุข
.. ไม่สนใจหรอกว่าเขามีครอบครัวหรือเปล่า / ผิดศีล ผิดธรรมหรือเปล่า
.. ไม่สนใจ ขอให้ฉันได้มาครอบครองก็พอ ...
ตอนที่อยากจะได้ของคนอื่นมาเป็นของตน ก็เป็นทุกข์อยู่แล้ว ต้องคอยรอ เฝ้ารอเมื่อไหร่เขาจะมา.. เมื่อไหร่เราจะได้มีความสุข ที่จะได้อยู่กับเขา
.. แต่พอเขามาแล้วจริงๆ ก็ไม่เห็นจะสุขอะไร
ต้องคอยระแวง เพราะว่าเราไปแอบเอาของคนอื่นมา // คอยระแวงว่าเจ้าของเขาจะรู้หรือเปล่า
เมื่อแย่งชิงมาเป็นของเราก็เป็นทุกข์ ..
เมื่อได้มาเป็นของเราแล้ว ก็ยังทุกข์อีก ..
> เพราะว่า คนๆหนึ่งเขาเคยทำแบบไหน เขาก็มักจะทำแบบนั้น
> เขาเคยนอกใจภรรยาเขา เขาก็ต้องนอกใจเราอยู่ดี
กฎของกรรม มันก็คุมอยู่แล้ว –
** หากว่าเราทำลายครอบครัวของผู้อื่น เราก็จะต้องถูกทำลายไม่ให้สมหวัง**
ทีนี้เมื่อได้มาครอบครอง อยู่กันไม่นานเขาก็ต้องจากไป พอเขาจากไปแล้ว เราก็เป็นทุกข์ ร้องห่มร้องไห้
.. เป็นยังไงล่ะลูก ทีนี้ก็โดนซ้ำเติมจากคนนั้นคนนี้ ไปแย่งของเขามาทำไม แย่งมาก็เป็นแบบนี้แหละ
< ตนนั้นต้องเป็นทุกข์เร่าร้อน >
เมื่อครั้งที่จะมีครอบครัวใหม่-- แตกแยก เพราะบ่วงกรรมของตน ..
พอตายไป ก็ต้องไปตกนรก เพราะว่าผิดศีลธรรม ศีลข้อห้ามไปละเมิดเบียดเบียนทำให้ครอบครัวผู้อื่นต้องแตกแยก กว่าจะได้กลับมาเป็นคน ทุกข์ยาวนานเหลือเกิน...
< ทุกข์ตั้งแต่ทีแรก ทุกข์ตั้งแต่ตอนที่มีอยู่ และจนไม่มีแล้ว ไม่มีแล้วก็ยังทุกข์อีก-- ทุกข์จนตาย >
... กลับมาเกิดมาใหม่ ก็ยังต้องชดใช้กรรมนั้นอยู่ดี …
ลูกทั้งหลายเอ๋ย.. มันคือความสุขจริงหรือเปล่า สุขนั้นมีเพียงแค่น้อยนิดมาก
ความทุกข์นั้นช่างล้นเหลือ
ความสุขที่เราคิดว่าสุขนั้น- กลับกลายเป็นยาพิษ ที่กลับมาทำให้เราต้องเจ็บปวด เจ็บแสบ..
-- ทุกข์ทรมานไม่มีที่สิ้นสุด --
ลูกทั้งหลาย.. การที่เรานั้นเอาความสุขจากสิ่งของภายนอก คิดว่าจะมีความสุขสำหรับเรา
-- แต่มันมีความทุกข์อยู่ในนั้น มากกว่าอยู่เสมอ --
การที่เราจะทำอะไร ให้ใคร่ครวญทบทวน คิดดูให้ดี ให้แบ่งแยก ชั่งดู ระหว่างสุข-กับทุกข์
ทุกข์เยอะกว่า หรือสุขเยอะกว่า
อย่าไปทำเลยลูก ทำในเหตุที่จะก่อเกิดความทุกข์ให้แก่ตัวของลูกเอง ไม่ว่าจะเป็นเหตุเล็กๆ น้อยๆ จนถึงเหตุใหญ่ๆโตๆ.. มันก็เป็นทุกข์ทั้งนั้น
ชีวิตของคนเรา จงเลือกแต่สิ่งที่เป็นสุขให้แก่ตนเถิด อย่าไปเลือกในสิ่งที่มีทั้งสุขและทุกข์เลย
เพราะแท้ที่จริง ในที่สุด..ความสุขอันน้อยนิดนั้น ก็กลายร่าง กลายเป็นความทุกข์ไป ไม่เหลือความสุขเลยสักนิดหนึ่ง
สุข - ทุกข์ อันใดมากกว่ากัน…
สุขนั้นมีอยู่ อาจจะน้อยกว่าทุกข์ แต่ว่าในที่สุด ความสุขนั้นก็กลับกลายเป็นความทุกข์ไปเสียอีก
เลยไม่มีความสุขหลงเหลือเลย เลยมีแต่ความทุกข์เร่าร้อนทรมานเท่านั้น
ลูกทั้งหลายเอ๋ย.. จงพิจารณาอย่างนี้ เช่นนี้เถิด เพื่อให้เห็นตามความเป็นจริง เพื่อจะได้ไม่ต้องแสวงหาความสุขอันน้อยนิด จอมปลอมนั้น แล้วถูกมันทำร้ายทำลายในที่สุด...
ลูกทั้งหลาย.. บุคคลที่ปรารถนาจะแสวงหาความสุขอันน้อยนิดนั้น
ก็เหมือนคนที่ยอมกระโดดลงไปกลางน้ำ และโดนกระแสของน้ำนั้นพัดไป เพียงแค่ปรารถนาจะได้สิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ลอยมาตามสายน้ำนั้นเอง..
-- จึงกระโดดเข้าไปเพื่อหวังจะคว้าเอาสิ่งนั้นมา
-- แต่ในที่สุด ของสิ่งนั้นก็จมหาย ลอยไปกับสายน้ำ ไม่ได้เป็นของเรา..
< ตัวเราเองต่างหากที่ต้องจมอยู่ >
โดนพัดไปกับกระแสน้ำให้ต้องเป็นทุกข์ทรมาน เร่าร้อน ตายแล้วตายอีก
-- กลับมาเกิดใหม่ > ถ้าจิตยังไม่สว่าง ก็เป็นเช่นนั้นอีก --
ลูกทั้งหลาย..
ไม่ว่าเราจะเห็นอะไรลอยมากับน้ำก็ตาม ปล่อยเขาไปเถิดลูก..
ถ้าเขาเป็นของเรา เขาก็จะลอยมาหยุดอยู่ที่ฝั่ง แล้วเติมเต็มให้กับเราเอง
< หากว่าเป็นเช่นนั้น ลูกจึงจะไม่ต้องไปเป็นทุกข์ ทรมาน สูญเสียชีวิต จมน้ำอยู่อย่างนั้น >
เขาลอยมาเอง หากเขาจะลอยไป เราก็เห็นเป็นธรรมดา ปล่อยให้ลอยไป เพราะว่าเราไม่ได้ยึดติด ขวนขวายที่จะไปไขว่คว้าเอาเขามา
จงหยุดอยู่นิ่งๆ มองเห็นทุกอย่างผ่านมา แล้วก็ให้ผ่านไป
.. อย่าไปต้องการสิ่งใดเกินความจำเป็นเลย
.. ทุกอย่างถึงเหตุ ถึงปัจจัย สมควรแก่เหตุ ย่อมเป็นไปเอง
-- จงทำจิตของตนนั้น ให้นิ่งสงบอยู่เช่นนั้นเถิด --
สาธุ
~ ๑ ~
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 01, 2016, 07:18:52 pm โดย thanapanyo »

บันทึกการเข้า