« เมื่อ: พฤษภาคม 01, 2015, 06:50:02 am »
ธรรมะเปิดโลก วันที่ 1 พฤษภาคม 2558
ตอนที่ 14 **ทางเดินของชีวิต**
ในเช้าของวันนี้ เมื่อข้าพระพุทธเจ้าได้กราบนอบน้อมเข้าเฝ้าต่อองค์พระบิดา พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ท่านแล้วนั้น พระองค์ท่านได้ทรงเมตตาแสดงธรรมกลับมา กับพวกเราทั้งหลาย ดังนี้
- - - -
พระยาธรรมเอ๋ย.. มีบ่อยครั้งที่ชีวิตของเธอ หรือชีวิตของคนทุกคน มักจะสับสนกับการเดินต่อไปของชีวิตตนเอง และมักจะถามตนเองอยู่เสมอว่า จะเดินต่อไปทางไหนดี
พระยาธรรมเอ๋ย.. ชีวิตของคนเรา อาจจะมีทางให้เลือกเยอะแยะมากมาย เลือกให้ทำอย่างนั้น ทำอย่างนี้
ทำในแบบต่างๆ เพื่อจะเดินต่อไป
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ชีวิตของคนเรา ชีวิตของดวงจิต มีทางเลือกแค่ 2 ทางเท่านั้น คือ การทำความดี // และการทำความชั่ว
ชีวิตที่เกิดความสับสนวุ่นวาย เกิดความทุกข์ เกิดความเศร้า เกิดปัญหาต่างๆ กับตัวของเรานั้น ก็เพราะว่ามาจากการที่เราเลือกที่จะเดินทางในการสร้างกรรม เบียดเบียนผู้อื่น สร้างกรรมนั้นเอาไว้
... ท้ายที่สุด จึงกลับมาเบียดเบียนตนเอง ...
จิตของเราหนีไม่พ้นกฎแห่งกรรม จึงทำให้เราต้องเป็นทุกข์อยู่อย่างนี้...
ถึงแม้ว่าเรานั้น อาจจะหนีปัญหาที่มีอยู่ เพื่อไปอยู่ในจุดอื่น อาจจะทิ้งงานที่ทำอยู่ เพื่อไปทำใหม่ ในรูปแบบใหม่ที่แตกต่างกันไป
แต่คนเราไม่อาจหนีพ้นกฎแห่งกรรมได้ ตราบใดก็ตามที่เรายังไม่รู้ตามความเป็นจริงว่า
**เส้นทางเดินของชีวิต มาจากการกระทำของเราเองในอดีตที่ผ่านมา**
หากปัจจุบันนี้เรายังไม่เลือกที่จะเดินไปในทางที่ดี
... ชีวิตของเราก็ยังคงต้องเจอกับความทุกข์เช่นนี้อย่างไม่รู้จบ ...
พระยาธรรมเอ๋ย.. บ่อยครั้งที่มีคนเจอปัญหา แล้วมักจะถามว่า ปัญหานี้จะจบลงเมื่อไหร่ เมื่อไหร่จะหยุดทุกข์ซะที เมื่อไหร่ชีวิตจะดีขึ้นซะที
สิ่งทั้งหลายเหล่านั้น เป็นสิ่งที่ทุกคนมักจะหาว่า คำตอบของมันอยู่ที่ไหน
และเมื่อใครตอบกับเขาว่าชีวิตของเธอจะดีขึ้น -- ก็จะดีใจ
เมื่อมีใครตอบว่า ชีวิตของเธอจะแย่ลงจากนี้ไป-- ก็มักจะเศร้า และหาทางออก
** แต่แท้ที่จริงแล้ว การเดินทางของชีวิตเรา ขึ้นอยู่กับการกระทำของเรา **
หากวันนี้ เราเลือกที่จะเดินไปสู่ทางที่ดี สร้างหนทางใหม่ให้แก่จิตตน
ถึงแม้เราจะเจอปัญหาอะไรมากเท่าไหร่ ถ้าเรา
++ เลือกที่จะปล่อยวาง
++ เลือกที่จะอโหสิกรรมให้แก่คนเหล่านั้นที่ทำปัญหาให้กับเรา
++ เลือกที่จะปฏิบัติ สวดมนต์ นั่งสมาธิ หาเวลาทำให้จิตใจของตนสงบลง.. เดินไปสู่ทางที่ไม่สร้างกรรมเพิ่มอีก
ไม่นานนักหรอกลูก ชีวิตของลูกนั้น ก็จะถอยออกไปจากความทุกข์ทั้งหลาย
ไม่นานนักหรอกลูก ลูกก็จะเดินออกไปจากความทุกข์เหล่านั้นได้เอง
เพราะแท้ที่จริงแล้ว การที่เราจะหนีพ้น หรือไปจากความทุกข์ได้ >
- อยู่ที่จิตของเรา
- อยู่ที่ใจของเรา
- อยู่ที่การประพฤติ ปฏิบัติ ของเรา
หากวันนี้เรายังไม่เลือกที่จะฝึกจิตของตน ยกจิตออกจากปัญหาเหล่านั้น และมองข้ามมันไป
จิตแห่งตนยังไม่อยู่เหนือปัญหาทั้งหลายเหล่านั้น.. ตนก็ยังจะมีความทุกข์อยู่
บุคคลผู้ที่ไม่ได้ฝึกฝน ยกจิตของตนให้สูงนั้น ย่อม..
๐ ไม่มีการปล่อยวาง
๐ ไม่มีการให้อภัย
๐ ไม่มีการที่จะละเว้นต่อการทำชั่ว
บุคคลผู้นั้น เขาย่อมจมอยู่ในเส้นทางของการสร้างกรรม สร้างสิ่งที่ไม่ดี จนทำให้ชีวิตของเขา จมอยู่ใต้อำนาจของกฎแห่งกรรมนั้น
-- ถึงแม้ว่าเขาจะเลือกให้ชีวิตของเขา เดินไปในทางใดก็ตาม ชีวิตของเขาก็จะไม่พ้นจากความทุกข์ --
พระยาธรรมเอ๋ย.. ทีนี้ คงจะได้คำตอบของคำถาม ที่ว่าจะเดินไปทางไหนดี ?
การที่เราเดินไปสู่ทางที่ดีนั้น > ชีวิตของเราย่อมไปสู่ทางที่ดี
การที่เรายังปล่อยให้ตนจมอยู่ในบ่วงกรรม บ่วงของการกระทำแห่งตน สร้างกรรมอยู่เช่นนั้น..
> ตนก็ยังคงจมอยู่ในทางเส้นนั้น
พระยาธรรมเอ๋ย.. การสร้างกรรมนี้ ไม่จำเป็นหรอกลูก ที่จะต้องสร้างกรรมใหญ่โต หรือจะต้องสร้างกรรมที่เป็นปัญหากับคนอื่น เยอะแยะมากมาย
กรรมเล็ก กรรมน้อย กรรมจากอาชีพบ้าง กรรมจากการกระทำเล็กๆน้อยๆ กรรมจากคำพูด กรรมจากการเบียดเบียนในการอยู่ร่วมกัน ซึ่งส่งผลและทำให้ผู้อื่นเป็นทุกข์นั้น
ก็สามารถทำให้เราจมอยู่ตรงนั้น เป็นทุกข์อยู่อย่างนั้น จนไม่รู้จบ
เมื่อตายไปแล้วก็ยังไม่พ้นจากบ่วงกรรมนั้น ต้องกลับมาเกิดเพื่อชดใช้อีก
พระยาธรรมเอ๋ย.. ทางที่ดีนั้น เราจงฝึกจิตแห่งตนให้รู้จักการปล่อยวาง สงบที่จิตของตน
ยกจิตแห่งตนให้อยู่เหนือปัญหาทุกสิ่งทุกอย่าง // อยู่เหนือความทุกข์ทั้งปวง
-- เพื่อตนนั้นจะได้พ้นทุกข์อย่างแท้จริง --
ย่างก้าวต่อไปนั้น
// เราสามารถที่จะเลือกได้ว่า เราจะทำให้ชีวิตเป็นแบบไหน-- ตามการกระทำของตน
// เราสามารถที่จะเลือกที่จะเดินไปสู่ความสงบ หรือปล่อยให้จมอยู่กับความวุ่นวาย
// เราเลือกได้ที่จะไม่สาน- สร้างกรรมต่อ
// เราเลือกได้ที่จะอโหสิกรรมกับสรรพสิ่ง แล้วดึงจิตแห่งตนออกไปจากกรรมทั้งหลายเหล่านั้น ด้วยการสร้างกรรมดี ทำสิ่งที่ดี
-- เริ่มแรกจากการให้อภัยทาน
-- ต่อไป เริ่มโดยการไม่สร้างกรรมเบียดเบียนผู้อื่นอีก > พิจารณาการกระทำของตนว่า ตนยังทำอะไรเบียดเบียนผู้อื่นอยู่หรือเปล่า ตั้งแต่เรื่องใหญ่ๆ จนถึงเรื่องเล็กๆ
เมื่อพิจารณาแล้ว ก็ให้ตนนั้น
- ทำจิตแห่งตน ให้ปล่อย ให้วาง ให้ว่าง
- ทำจิตแห่งตนให้ขาวสะอาด บริสุทธิ์อย่างแท้จริง เพื่อทางเดินใหม่ ที่ตนนั้นจะเดินเข้าไปสู่ทางเส้นนั้นเถิด
พระยาธรรมเอ๋ย.. ชีวิตของคนเรานี้ เราจะอยู่ หรือจะไปจากทุกข์
ชีวิตของเราสามารถที่จะเป็นไปตามการกระทำของเรา
วันนี้อาจจะคิดว่า ฉันก็ทำดีแล้ว ทำไมเจอแบบนี้อยู่ นั่นคงเป็นเพราะกรรมเก่าของเรายังไม่หมด และคงเป็นเพราะว่าเรายังทำความดีไม่มากพอ
วันนี้เราอาจจะเหนื่อยกับสิ่งที่เราทำ ทำดีไปแล้ว ทำไมยังต้องเผชิญกับสิ่งนั้นสิ่งนี้อยู่
> นั่นอาจเป็นเพราะการทำดีของเรา ยังดีไม่จริงก็ได้
จงพิจารณาปรับปรุง ปรับเปลี่ยน ทำตนให้ดีที่สุด ดีอย่างแท้จริง
... เพื่อตนนั้นจะได้พบกับสิ่งที่ดี…
พระยาธรรมเอ๋ย.. การปฏิบัติ ฝึกฝนจิตให้เข้าถึงความดีอย่างแท้จริงนั้น ย่อมเห็นผลด้วยตัวของเราเอง
ไม่มีใครหรอกลูกที่ปฏิบัติไปแล้ว แต่กลับไม่เห็นเลยว่ามีผลอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่เราก็ทำดีมากแล้ว
-- นอกจากตนนั้นยังดีไม่พอ ตนนั้นยังดีไม่จริงเท่านั้น--
จงฝึกฝน ปรับเปลี่ยน ทุกสิ่งทุกอย่างให้ดี ไม่ใช่ทำดีสิ่งหนึ่ง และทำไม่ดีสิ่งหนึ่ง
แต่กลับเรียกร้องว่า ฉันทำดีมากแล้ว ทำไมยังไม่เห็นความดีเหล่านั้น กลับคืนมาค้ำหนุนฉันบ้างเลย
พระยาธรรมเอ๋ย.. การที่เราอาบน้ำบ้าง ไปเล่นอยู่กับสิ่งสกปรก คลุกอยู่กับดิน กับทรายบ้าง
การทำเช่นนั้น ย่อมมีทั้งสะอาด สกปรก ปนเปื้อน
แต่หากว่าเรานั้นทำแต่สิ่งที่ดี อาบน้ำแล้ว ไม่แวะไม่ข้องเกี่ยวกับสิ่งสกปรกอีกต่อไป
**ชีวิตของเราก็ย่อมเจอแต่กับสิ่งที่ดีตลอดไป ย่อมไม่มีสิ่งที่ทำให้ปนเปื้อนอีก**
พระยาธรรมเอ๋ย.. การเลือกการเดินทางของชีวิต
> เราสามารถเลือกได้ โดยการเปลี่ยนแปลงการประพฤติ การปฏิบัติ กระทำตน ตั้งแต่ที่ตนนั้นปรารถนาจะ
ปรับเปลี่ยน
> เราสามารถเลือกได้ด้วยตัวของเราเอง และทำดีจนกว่าความดีนั้นจะเกิดมาก มากเกินกว่าความชั่ว หรือเศษกรรมที่เหลืออยู่
ทำดีให้ชนะสรรพสิ่ง มองข้ามวิบากกรรม // มองข้ามสิ่งที่ไม่ดีที่เข้ามาเผชิญ ให้เรานั้นต้องผ่านพ้นเหล่านั้น
เมื่อเราสามารถยกจิตแห่งตน อยู่เหนือสรรพสิ่งเหล่านั้น โดยไม่เห็นว่าจะมีประโยชน์อะไรกับเรา จะทำร้ายอะไรเราได้แล้ว นั่นจิตของเราจึงจะพ้นทุกข์อย่างแท้จริง
พระยาธรรมเอ๋ย.. การเลือกเดินในทางเส้นใหม่ โดยการฝึกจิตของตนให้ยกระดับ สูงเหนือกว่าการกระทำทั้งปวง นั่น คือ ทางเดินที่เราเดินถูกต้องแล้ว และสามารถออกจากกองทุกข์ได้
แต่หากเรานั้น ยังเลือกไม่ถูกทาง คิดว่าจะหนีออกจากกองทุกข์ให้ได้ …
แต่ตนยังไม่ปรับเปลี่ยนที่การกระทำของตน แต่ตนยังไม่ยอมปรับเปลี่ยนที่การประพฤติ เพื่อประพฤติดีมากขึ้น
ละเว้นต่อการทำชั่วนั้น
> ไม่ว่าตนจะไปอยู่ที่ไหนของโลก จะไปอยู่ในจุดใดของวัฏสงสารนี้
แม้เมื่อมีชีวิตเป็นมนุษย์อยู่ หรือชีวิตหลังความตาย
-- ตนก็ไม่อาจหนีพ้นความทุกข์ได้เลย --
พระยาธรรมเอ๋ย.. การออกจากทุกข์ได้นั้น คือ การยกจิตให้สูงยิ่งๆขึ้นไป โดยการประพฤติดี ปฏิบัติดี จนกว่าเรานั้นจะออกจากกองทุกข์ได้แล้วเท่านั้น
ไม่ใช่การหนี.. ไม่ใช่การเปลี่ยนอาชีพ.. ไม่ใช่การเปลี่ยนที่อยู่.. ไม่ใช่การหนีไปอยู่ในจุดใดจุดหนึ่ง.. หรือไม่ใช่การตาย
ถึงแม้เรานั้นจะเป็นแบบไหน เราก็ยังไม่พ้นทุกข์อยู่ดี หากการกระทำของเรานั้น ยังปนเปื้อนด้วยสร้างกรรมเล็ก สร้างกรรมน้อยอยู่ ยังไม่ละเว้นต่อการสร้างกรรม
< ท้ายที่สุด เราก็จะหนีการสร้างกรรมของตนไม่ได้ หนีการกระทำของตนไม่ได้ >
ทุกคนอย่าลืมว่า **การเดินทางของจิตเรานี้ มาจากผลการกระทำของเรา**...
วันนี้ที่เราทุกข์อยู่เช่นนี้ เจอปัญหาอย่างนี้ เผชิญเช่นนี้-- เพราะว่านั่น คือ การกระทำของเรา ที่ผ่านมาเมื่อก่อนโน้น
แต่เรารู้แล้วว่า มันส่งผลให้เราต้องทุกข์เช่นนี้
แล้วปรับเปลี่ยนเส้นทางการเดินของจิตใหม่ >โดยการเลือกทำดี ประพฤติดี ยกจิตให้สูงเหนือสรรพสิ่ง ด้วยตัวเราเอง
จงประพฤติ ปฏิบัติ กระทำตามเช่นนี้เถิด.. ลูกเอ๋ย
ทางเดินใหม่ให้แก่ลูกนั้นยังมีอยู่ คือ การเริ่มต้นใหม่ในการทำความดี
... แล้วชีวิตของลูกนั้น จะพ้นจากทุกข์ได้อย่างแท้จริง…
ชีวิตของเราจะไปในทางไหนนั้น ขึ้นอยู่กับการกระทำของเราเอง
จงอย่าไปสุข ไปทุกข์ เพราะคำพูดของใคร
จงอย่าไปจม ไปลุ่มหลงอยู่กับกาลเวลา.. ว่าเมื่อฉันอายุเท่านั้น จะสบาย // เมื่อฉันอายุเท่านี้ จะเป็นทุกข์
เพราะแท้ที่จริงแล้ว ไม่มีใครสบาย หรือเป็นทุกข์มากไปกว่าความเป็นจริง..
ที่แท้ที่จริงแล้ว ก็ทุกข์อยู่อย่างนั้น ไม่ได้มีความสุขสบายเลย
-- เพียงแต่จะทุกข์มาก ทุกข์น้อยเท่านั้นเอง --
จงพาจิตแห่งตนออกจากความทุกข์ เลือกทางเดินใหม่ให้จิต ด้วยการประพฤติ ปฏิบัติใหม่เถิด..ลูกเอ๋ย
เพราะนั่น คือ ทางออกที่แท้จริง ให้แก่ตน
เมื่อเราเลือกทางที่ทำดี ไปสู่ในทางที่ดีแล้ว หน้าที่การงาน ชีวิต ความคิดของเรา ทุกสิ่งทุกอย่าง ที่เป็นองค์ประกอบ เกี่ยวกับตัวเรานั้น ก็จะดีตามไปเอง
และถึงแม้ว่าจะดีหรือไม่ดี เราก็จะไม่สุข ไม่ทุกข์กับมันแล้ว เพราะว่าเราไม่ได้สนใจ ในสิ่งเหล่านั้นแล้ว
-- จงประพฤติดีเถิด ลูกเอ๋ย.. นั่นคือ ทางพ้นทุกข์ --
สาธุ
> >
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 01, 2015, 05:13:24 pm โดย thanapanyo »

บันทึกการเข้า