« เมื่อ: กันยายน 29, 2022, 11:10:23 am »
ธรรมะธรรมจักรกึ่งพุทธกาล วันที่ 28 กันยายน 2565
บทที่ 198**ตัวอย่างการพิสูจน์โลกทิพย์**
+ +
ในเย็นของวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2565 ณ มหาวิชชาลัยธรรมิกราช
เมื่อท่านพระพุทธเจ้าน้อยได้น้อมจิตขึ้นกราบเข้าเฝ้า ต่อองค์พระพุทธบิดา องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ท่าน เพื่อเฝ้าฟังธรรมแล้ว จึงได้นอบน้อมเฝ้าทูลถามพระพุทธองค์ท่านไป ดังนี้ว่า...
“ ข้าแต่องค์พระพุทธบิดา องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เจ้าขา..
ลูกจะขอถึงพระพุทธองค์โปรดทรงเมตตาแสดงธรรม
สภาวธรรมของการพิสูจน์เรื่องของโลกทิพย์ว่า..จริง -ไม่จริง ว่ามีการพิสูจน์อย่างไร ?
ให้ลูกได้ฟังและน้อมไปเผยแผ่ เพื่อให้ทุกคนจะได้ใช้หลักการเหล่านั้น..
ในการพิสูจน์ด้วยเถิดพระพุทธเจ้าค่ะ ”
- - - -
พระพุทธองค์ ::เอาละนะ พระพุทธเจ้าน้อยเอย.. ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้วละลูก
ลูกจงตั้งใจฟังให้ดีนะ
พระพุทธเจ้าน้อยเอย..เราตถาคต ย่อมรู้ดีว่า..
กาลเวลาหมุนรอบมาจนถึงยุคกึ่งพุทธกาลนี้แล้ว.. จะมีสภาวธรรม
วิธีในเรื่องของการเปิดโลกเปิดจักรวาล วัฏสงสาร
เปิดสภาวธรรมของกายทิพย์ -เชื่อมต่อสู่กายหยาบ
จะเป็นยุคแห่งการเปิดโลก -ที่จะมีการแบ่งจิตมาเกิด
จะมีการที่ร่วมหุ้นกันสร้างคุณงามความดี-โดย 2ดวงจิตหุ้นกันอยู่ในกายเดียวกันก็มี
จะมีสภาวธรรมซับซ้อนของจิตและกาย-ในการเกิดมาเกิด
- มาสร้างบารมีในยุคนี้ช่วงนี้ -
ฉะนั้น.. เราตถาคตจึงได้วางแบบวางแผน..
ให้ลูกนั้นได้ก่อเกิด- โดยการแบ่งแยกจิตจากผลึกจิตของเราตถาคต..
- เป็นดวงจิตสมมุติเต็มไปด้วยพลังพุทธบารมี-
ไปอยู่ในโลกสวรรค์ - โดยสภาวธรรมของกุมารีน้อย กับองค์พระโพธิสัตว์ - ที่แดนสวรรค์
เพื่อเรียนรู้เรื่องราวในโลกในจักรวาลวัฏสงสาร
และเมื่อถึงเวลา.. จึงส่งลูก - เชื่อมต่อกายของหลวงแม่กชพร
เพื่อจะได้น้อมธรรมสื่อธรรมลงสู่โลก -โดยการเชื่อมต่อกายเท่านั้น +
ซึ่งสภาวธรรมเหล่านี้นั้น.. ย่อมมีสภาวธรรมของความละเอียดอ่อน -มากที่สุดในจักรวาลนี้แล้ว
ในเรื่องที่เกิดขึ้นกับลูกเกิดขึ้นกับหลวงแม่กชพร
ฉะนั้นลูกเอ๋ย..วันนี้เราตถาคต จึงพิจารณาเห็นสมควรอย่างนี้ว่า..
ควรที่จะให้หลวงแม่กชพร.. ได้เล่าถึงเรื่องราวต่างๆ ของความสลับซับซ้อน
- ในเรื่องของจิต
- ในเรื่องของกาย
- ในเรื่องของการรองรับจิตขององค์พระพุทธเจ้าน้อย
รองรับกิจการงานต่างๆ จากสภาวธรรมของโลกทิพย์
ให้ฟังว่า..
หลวงแม่กชพรนั้น มีการแบ่งแยกอย่างไร
เพราะอะไรจึงเชื่อมั่นว่า นี่คือธรรมจากเราตถาคต
เพราะอะไรหลวงแม่กชพร.. จึงดำเนินธาตุขันธ์
ดำเนินชีวิตอย่างคนปรกติ-โดยไม่มีอะไรผิดปริกติ
-- แต่สามารถที่จะทำกิจกรรมมากมายรองรับสภาวะโลกทิพย์
รวมถึงรองรับพระพุทธเจ้าน้อยได้ด้วย ++
โดยยังคงดำเนินชีวิตเหมือนคนธรรมดาทั่วไป
-- แต่สามารถทำในสิ่งที่เหนือคนธรรมดาเขาจะทำได้ +
ฉะนั้นพระพุทธเจ้าน้อยเอย..เอาละนะ
วันนี้ดวงจิตของหลวงแม่กชพร.. ก็ได้ขึ้นเข้าเฝ้า
และได้พร้อมแล้วกับการที่จะเล่าสภาวธรรมทั้งหลายเหล่านี้
ลูกจงตั้งใจฟังให้ดีเถิด
กชพรเอย.. ลูกจงเล่าสภาวธรรมต่างๆทั้งหลายเหล่านั้นมาเถอะ
เพื่อเป็นธรรมทาน
เพื่อเป็นแบบอย่างในการพิสูจน์โลกทิพย์ การอยู่กับโลกทิพย์
และการดำเนินงานของตน -เชื่อมต่อกับโลกทิพย์
-- โดยอยู่ในสภาวะแห่งการรู้ตื่น ไม่ลุ่มหลง
ตั้งอยู่ในสภาวะแห่งความเป็นจริง
และสามารถรองรับกิจการงานได้ทุกอย่าง--
จงกล่าวธรรมนั้นมาเถิด.. ลูกเอ๋ย
หลวงแม่กชพร:: กราบนอบน้อมต่อองค์พระพุทธบิดาองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ในความเมตตาของพระพุทธองค์ที่มีต่อลูกพระพุทธเจ้าค่ะ
สภาวธรรมที่ลูกนั้นได้รองรับกิจการงานพุทธกิจตามพระประสงค์ขององค์พระผู้มีพระภาคเจ้า
จนถึงในวันนี้..
ลูกนั้นเกิดความมั่นใจในสิ่งที่ทำ
แต่ความมั่นใจนั้น.. ก็อยู่เหนือความยึดติด
ไม่มีความคิดว่าใช่ - ไม่ใช่
--แต่รู้ว่าใช่
เพียงแต่ สักแต่ว่าใช่
แล้วก็ดำเนินกิจการงานต่อไปเรื่อยๆโดยที่ลูกก็ไม่ได้คิดอะไรไม่ได้มีความยึดติดอะไร
มีกับไม่มี - เสมอเหมือนกัน
เป็นกับไม่เป็น -เสมอเหมือนกัน
เป็นบุคคลผู้ที่รองรับเสียงธรรมในภาคส่วนของโลกมนุษย์
ซึ่งเป็นผู้รองรับพุทธกิจทุกอย่างขององค์พระพุทธเจ้าน้อยและขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ลูกก็ดำเนินกิจการงานตามปรกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
และใช้ชีวิตตามปรกติพระพุทธเจ้าค่ะ
แต่สิ่งที่ลูกจะขอกล่าวถึง-เพื่อเป็นลำดับของการเรียนรู้ศึกษาแก่จิตทั้งหลายว่า..
ลูกนั้น..ได้ผ่านอะไรมาบ้าง
และมีการคิดแบบไหน
วางจิตใจอย่างไร
เรียนรู้ศึกษามาอย่างไร
... จึงดำเนินมาจนถึงทุกวันนี้
ซึ่งแท้ที่จริง.. รายละเอียดนั้นมีมากมายอยู่ในทุกๆนาทีของชีวิต
ย่อมมีรายละเอียดและสิ่งทดสอบมากมาย-ที่ไม่สามารถที่จะเก็บรายละเอียดทั้งหมดเหล่านั้น
มาเล่าได้
แต่วันนี้ลูกจะขอเล่าสภาวธรรมธรรมเป็นขั้นตอนไป
เริ่มตั้งแต่สภาวธรรมที่ 1 --
ก็คือขั้นตอนของการชำระร่างกายพระพุทธเจ้าค่ะ
เมื่อ 12 ปีที่ผ่านมาลูกนั้นได้ชำระร่างกายนี้ด้วยการถูกเปิดโลก
ทำให้ลูกสามารถที่จะเชื่อมต่อกับโลกทิพย์และเห็นสภาวธรรมในโลกทิพย์ได้อย่างชัดเจน
เกิดการปรับเปลี่ยนร่างกายอยู่นานประมาณ 6 เดือน
และหลังจากนั้น..ก็ยังคงมีการชำระร่างกายเรื่อยมา จนครบ 2 ปี
จนกายของลูก.. จึงสามารถที่จะละเอียดมากพอ -ที่จะรองรับกิจของพระพุทธองค์
เริ่มต้นจากการเข้าสู่วัด..โดยไปหาครูบาอาจารย์คือหลวงพ่อมานิตย์ ธนปัญโญ
เมื่อไปเจอกับครูบาอาจารย์แล้ว.. จึงได้เริ่มต้นการเรียนรู้ศึกษาในเรื่องของหลักธรรม
และเรื่องของการปรับกายนั้น - ยังคงปรับร่างกายอยู่เสมออยู่ตลอด
มาจวบจนทุกวันนี้.. ก็ยังคงมีการปรับสภาวะของกายอยู่ตลอดเวลา +
หากมีสภาวธรรมที่จะน้อมธรรมใดสื่อธรรมใด.. ก็จะมีสภาวะแห่งเรื่องนั้น
ความรู้สึกนั้นเรื่องราวเหล่านั้น..เข้ามา
ทำให้ลูกนั้น..เข้าใจระบบของการปรับกาย - เพื่อรองรับกิจอย่างกระจ่างแจ้ง
และสิ่งที่ลูกนั้น.. ได้เผชิญผ่านพ้นมามากมายในสภาวะของกายนี้
จึงทำให้ลูกเชื่อมั่นและศรัทธาตั้งมั่นว่า..
ทุกสิ่งจะดำเนินไป -ตามเหตุแห่งสภาวะของพระพุทธเจ้าน้อย
และพระพุทธองค์จะส่งลงมา..ให้ทุกอย่างดำเนินไปตามเหตุนั้นเรื่องนั้น
ช่วงเวลาที่ปรับสภาวะของกาย.. ก็เป็นช่วงที่เหมือนทดสอบเครื่องของร่างกายว่า
ระบบจะสามารถรองรับความละเอียดอ่อนของธรรมได้มั้ย ?
รวมถึงทดสอบสภาวะจิตใจของคนรอบข้าง
ทดสอบมากมายพระพุทธเจ้าค่ะ
ลูกผ่านเรื่องราวเหล่านี้มามากมายด้วยตนเอง
จึงทำให้ตนเองนั้นเชื่อมั่นและมั่นใจในสิ่งที่ทำในสิ่งที่รองรับ
และสามารถทำได้เป็นขั้นๆมา..
ต่อไปธรรมในประการที่ 2 --
เหตุที่ลูกนั้นเชื่อมั่นและตั้งมั่นว่า..เป็นองค์พระพุทธเจ้าน้อยอย่างแท้จริง
ก็ด้วยว่าลูกนี้.. เห็นองค์พระพุทธเจ้าน้อย -ทั้งในโลกทิพย์และสภาวะในโลกมนุษย์
สามารถพูดคุยและเชื่อมต่อกับองค์พระพุทธเจ้าน้อยได้อย่างไม่มีอะไรลังเลสงสัย
องค์พระพุทธเจ้าน้อย..ชี้ทางสิ่งใดบอกสิ่งใด-ทุกอย่างเป็นไปตามสภาวะนั้น
ตามความเป็นจริงของสิ่งที่ท่านได้ชี้บอกทุกสิ่งทุกอย่าง
โดยไม่มีอะไรผิดเพี้ยน
ไม่มีอะไรบิดเบือนไปจากความถูกต้อง
พระพุทธเจ้าน้อย.. ลงมาอยู่กับลูกเป็นเวลา 12 ปี
ลูกไม่มีความสงสัยใดๆในสิ่งที่พระพุทธเจ้าน้อยทรงเป็นและทรงทำ พระพุทธเจ้าค่ะ
ธรรมในประการที่ 3 -- คือ
ลูกนี้..ก็ได้ถูกทดสอบจากการเห็นพระพุทธเจ้าองค์จริง - พระพุทธเจ้าองค์ปลอม
เห็นสภาวธรรมจริง - สภาวธรรมปลอมมามากมาย
ลูกนั้น.. ถูกทดสอบมาจนนับครั้งไม่ถ้วน
แต่ลูกก็สามารถแตะสภาวธรรมได้ว่า คือ พระองค์จริง -หรือพระองค์ปลอม
ด้วยสภาวะของจิตที่
- ตั้งมั่นในความบริสุทธิ์
- ตั้งมั่นในคุณงามความดีและนอบน้อมต่อองค์พระพุทธเจ้าอย่างแท้จริง
ลูกสามารถคัดกรองได้ว่า.. สภาวธรรมนี้คือองค์จริงหรือองค์ปลอม
ลูกจึงมีสภาวจิต- ที่สามารถตรวจเช็คสภาวะเหล่านั้นได้
และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือลูกรู้ดีว่า..
พญามาร.. จะแตกต่างจากพระองค์ -ตรงที่การแสดงธรรม *
เพราะพญามารจะไม่สามารถแสดงธรรมอันเป็นธรรมราชาเช่นพระองค์ได้
ถึงแม้จะสามารถแปลงกายให้เหมือนทำพลังให้เหมือน
แต่พญามารนั้น..ย่อมมีความแตกต่าง
เพราะพญามาร- ไม่มีความแตกฉานในธรรม !!
... เช่นนี้พระพุทธเจ้าค่ะ
ลูกจึงสามารถคัดกรองได้ว่า..
พระสติปัญญาของพระพุทธองค์ที่รู้ตื่นแล้ว
... ย่อมสว่างไสวยิ่งกว่าสิ่งใดในโลกธาตุ
ไม่มีอะไรจะเสมอเหมือนสติปัญญาอันรู้ตื่นขององค์พระผู้มีพระภาคเจ้า
-- ย่อมไม่มีใครจะเทียบได้++
พญามาร.. ก็ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงคำสอนได้เลย..
เช่นนี้พระพุทธเจ้าค่ะ.. จึงทำให้ลูกเกิดความมั่นใจเชื่อมั่นในสิ่งที่เป็นในสิ่งที่ทำ
ต่อไปธรรมในประการที่ 4 --
ลูกนั้น.. ฝึกดูตนเองอยู่เสมอ
ลูกพิจารณาถึงความเปลี่ยนแปลงของตนเองพัฒนาการของตนเอง..
ที่เข้าสู่ธรรมของพระพุทธองค์ - ตั้งแต่เริ่มแรกมาในทุกๆปี
จนมาถึงตอนนี้ลูกเห็นว่า.. ลูกมีสภาวะที่เปลี่ยนไปในทางที่ดีมาก
คือ..
ละซึ่งความโลภโกรธหลง
ละซึ่งความโง่เขลาเบาปัญญา
ลูกกลายเป็นบุคคลผู้ที่มีปัญญาแตกฉานในทุกเรื่องทุกสิ่งทุกอย่าง
--ซึ่งไม่ใช่ตัวเดิม
ไม่ใช่ความเคยเป็นเคยมีของลูก -ที่ลูกเคยมีเคยเป็นมา
... เช่นนี้พระพุทธเจ้าค่ะ
ธรรมในประการที่ 5 --
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือครูบาอาจารย์คือหลวงพ่อมานิตย์ ธนปัญโญ
ท่านคอยสอนคอยชี้ทางบอกทางแก่ลูกเสมอว่า..
การจะทำสิ่งใดก็ตาม -ไม่ควรฟังแต่โลกทิพย์
ควรที่จะเอาสภาวะของโลกทิพย์.. มาเชื่อมต่อกับสภาวะของโลกมนุษย์
และหาความเป็นกลางหาความพอดีให้ได้
หาในสิ่งที่เป็นเหตุแห่งธรรมะจัดสรรให้ได้ให้ลงตัว
-- เราจึงจะเป็นผู้ไม่หลงในโลกทิพย์ --
และลูกก็คอยทำเช่นนั้นเสมอมา..
เช่นการที่ลูกได้รับคำสั่งให้เดินทางไปยังที่ใดที่หนึ่ง - แต่ถ้าไม่มีปัจจัยในการเดินทาง
ลูกก็ถือว่า..นั่นไม่ใช่เหตุแห่งธรรมะจัดสรร
ถ้าลูกนั้น.. ได้รับคำสั่งให้ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งขึ้นมา
ถ้าไม่มีเหตุจัดสรรให้เป็นไปลูก
-- ลูกก็ถือว่า.. นั่นคือสิ่งที่ไม่ใช่ธรรมะจัดสรร--
และลูกก็ไม่ทำตามพระพุทธเจ้าค่ะ
รวมถึงยังมีหลวงพ่อพระอาจารย์ --ที่ท่านคอยดูแลและคอยขัดเกลาคอยตักคอยเตือน
คอยเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง ดุจดังพ่อแม่ครูบาอาจารย์
คอยเบรก คอยเช็คสภาวธรรมช่วย
ซึ่งลูกไม่ได้คิดเอง-ทำเอง
ดูผิด-ดูถูกด้วยตนเองแต่เพียงผู้เดียว
-- แต่มีครูบาอาจารย์คอยชี้คอยบอกคอยชี้ทางแก่ลูกด้วย +
ลูกจึงสามารถที่จะฝึกฝนตนได้ดีขึ้นและเชื่อมั่นในสิ่งที่ทำ
และทำในสิ่งที่ดี ให้ก่อเกิดขึ้นมาจนถึงทุกวันนี้
... เช่นนี้พระพุทธเจ้าค่ะ
ธรรมในประการที่ 6 --
ลูกนี้จะต้องถามเหตุถามผลในสิ่งที่ลูกได้รับงานลงมาว่า..
ทำทำไม
ทำเพราะอะไร
ทำแล้ว - จะเกิดเหตุอันใด
ทำไมจึงต้องทำ
ลูกมักจะมีคำถามในสิ่งที่ทำอยู่เสมอในทุกเรื่องทุกเหตุทุกสิ่ง
และได้รับคำตอบอย่างแจ่มแจ้งเสมอในทุกครั้งที่จะทำสิ่งใด
-- โดยใช้สติใช้ปัญญาตรึกตรองให้รอบคอบแล้วจึงค่อยทำในสิ่งนั้น
รู้เหตุรู้ผล.. แล้วจึงค่อยทำ
... เช่นนี้พระพุทธเจ้าค่ะ
ต่อไปธรรมในประการที่ 7 --
สิ่งที่สำคัญที่สุดเลยก็คือลูกได้พิจารณาเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นและมหัศจรรย์ที่สุดในโลก
คือ *ธรรมอันสูงสุดขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า*
ซึ่งลูกนั้น.. ก็เป็นเพียงแค่สตรีธรรมดาผู้หนึ่ง -ที่เกิดอยู่ในป่าในเขา
ไม่เคยรู้จักพระพุทธศาสนา
ไม่เคยศึกษาธรรมศึกษาภาษาบาลี
ซึ่งไม่มีการเรียนรู้เกี่ยวกับพระพุทธศาสนามาเลยแม้แต่นิดเดียว !
-- แต่ลูกสามารถที่จะเข้าถึงเข้าใจหลักธรรมของพระพุทธองค์
และสามารถที่จะน้อมธรรมสื่อธรรมของพระพุทธองค์ลงมา
-- โดยที่ลูกนั้นไม่มีความสามารถเหล่านี้อยู่ก่อน..
... นอกจากพระพุทธองค์ทรงเมตตาให้เป็นไปเท่านั้น++
ธรรมทั้งหลายเหล่านั้น..
* เป็นธรรมที่สูงสุด
* เป็นธรรมที่บริสุทธิ์
* เป็นธรรมที่เป็นธรรมราชา
มีแต่พระพุทธองค์เท่านั้น.. ที่จะทำทุกอย่างให้เป็นไปได้
ฉะนั้น.. ด้วยทำอันมหัศจรรย์ของพระพุทธองค์ที่ได้น้อมมาแล้วตลอด 3,000 คลิป
ที่ผ่านมานี้ -- ทำให้ลูกยอมรับ
เชื่อมั่นในสิ่งที่ทำในสิ่งที่รองรับงาน
เชื่อมั่นในองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
และลูกมีวิธีในการพิสูจน์โลกทิพย์เช่นดังที่กล่าวมานี้ -เป็นขั้นเป็นตอน
ชีวิตของลูกกว่าจะมาถึงในวันนี้.. ไม่ใช่เรื่องง่าย
ชีวิตของลูก.. ผ่านอะไรมามากมาย
ในทุกวันทุกคืนทุกวินาทีของชีวิต.. ย่อมมีเหตุมีผลทั้งหมด
ตลอดระยะเวลา 12 ปีผ่านมาโดยประมาณ - ลูกดำเนินอยู่บนเส้นทางนี้
สิ่งที่ลูกเห็นได้ชัดที่สุดก็คือความเปลี่ยนแปลงของตนเอง
สิ่งที่สำคัญและประเสริฐที่สุดก็คือพระธรรมของพระพุทธองค์ *
และหลักสูตรค้นหาตัวตน
รวมถึงการเห็นบุคคลผู้ที่บำเพ็ญปฏิบัติตาม -จนเกิดผล
เห็นความเปลี่ยนแปลงของพวกเขาทั้งหลาย..
-- จึงทำให้ลูกมั่นใจในสิ่งที่เป็นในสิ่งที่ทำ
เพียงแต่ว่า.. ในสิ่งที่เป็นที่ทำ
ลูกก็เห็นเพียงแค่ว่า.. ทำไปสักแต่ว่า
-- ไม่ได้ยึดติด
-- ไม่ได้ต้องเป็น-หรือไม่เป็น
ทุกอย่าง.. เพียงแค่ดำเนินไปตามเหตุเท่านั้น
... ลูกจึงอยู่เหนือความยึดติดในโลกที่เห็น..
แต่สามารถรองรับงานและดำเนินกิจการงานเหล่านั้นไปอย่างรู้ตื่น
ทำให้เกิดผลเกิดประโยชน์ต่อสาธารณประโยชน์มากยิ่งขึ้นทุกวัน
... เช่นนี้ พระพุทธเจ้าค่ะ
และต่อจากนี้ไป ไม่ว่าชีวิตของลูกจะเจอกับอะไรก็ตาม
-- ลูกก็พร้อมมอบกายถวายชีวิตแด่พระพุทธองค์ - เพื่อรองรับพุทธกิจของพระพุทธองค์ต่อไป
ตราบเท่าชีวิตนี้จะสิ้นสุดลงพระพุทธเจ้าค่ะ..
พระพุทธองค์ :: ดีแล้วละ กชพรเอย..
ลูกก็ได้เล่าถึงเรื่องราวการพิสูจน์โลกทิพย์ของลูก.. มาให้ทุกคนได้ฟังเป็นขั้นเป็นตอน
เริ่มตั้งแต่การชำระกายและชำระเรื่อยมา
ชำระจนถึงทุกวันนี้ - ก็ยังมีเหตุปรับเปลี่ยนสภาวะแห่งกาย อยู่ทุกวัน
ลูกนั้น.. ได้เห็นองค์พระพุทธเจ้าน้อยด้วยตัวของลูกเอง
เห็นทั้งกายทิพย์ -เห็นทั้งสภาวะที่เชื่อมต่อลงมาสู่กายของลูก
ลูกนั้น.. เข้าใจและกระจ่างแจ้งในความเป็นพระพุทธเจ้าน้อย
สามารถแบ่งแยกได้อย่างชัดเจนว่า..
สภาวธรรมนี้ คือพระพุทธเจ้าน้อย
สภาวธรรมนี้ คือตัวของลูก
และสภาวธรรมนั้น คือพลังธรรมที่ดันลงมาสู่กายของลูก
ลูกสามารถเข้าใจสิ่งต่างๆทั้งหลายเหล่านี้..และแบ่งแยกได้อย่างชัดเจน
ไม่ว่าลูกจะเจอกับบททดสอบกี่ครั้งกี่หน
-- ลูกก็สามารถที่จะข้ามผ่านการปลอมตัวเป็นองค์พระพุทธเจ้า- ของหมู่มารทั้งหลาย +
รวมถึงบางครั้งเราตถาคตเอง.. ก็สร้างสถานการณ์ปลอมให้ลูกนั้น
ลองทดสอบว่า..ลูกนั้นสามารถที่จะรู้หรือเปล่า?
--ลูกก็ยังรู้ได้
จนกายของลูกนั้น.. สามารถเรียนรู้ธรรมมีพัฒนาการไปในทางที่ดีเจริญไปในทางที่ดี
... จนกายนั้นบริสุทธิ์ผุดผ่อง
จึงรองรับกิจการงานของพระพุทธเจ้าได้ +
และลูกนั้น.. ก็มีเหตุมีผลในสิ่งที่ทำอยู่เสมอ
ลูกนั้น.. เป็นบุคคลผู้ที่รู้ว่าลูกนั้น..จะต้อง
ทำการสิ่งใด
เพื่ออะไร
ทำไปเพราะอะไร
-- และดูเหตุในปัจจุบันอยู่เสมอว่า..สมควรทำหรือไม่?
จนลูก.. เป็นกายที่สามารถรองรับพุทธกิจของพระพุทธเจ้า
- ตั้งแต่ 3 ปีแรกที่ลูกเข้าสู่กระแสธรรมแล้ว..
และบัดนี้ ลูกก็ทำงานทุกอย่าง
เป็นขั้นเป็นตอนมา -จนสมบูรณ์ทุกอย่าง
ถือว่าเป็นแบบอย่างของบุคคลผู้เห็นโลกทิพย์ ของบุคคลผู้รับงานในโลกทิพย์
บุคคลผู้มีสภาวะของการซับซ้อนละเอียดอ่อน
ของการเชื่อมต่อแห่งจิตจากโลกทิพย์ -เข้าสู่กาย
และทำงานในโลกมนุษย์ --
- ที่ดี
- ที่เป็นตัวอย่าง
- ที่ทำให้ทุกคนนั้น.. จะเข้าใจเส้นทางเส้นนี้
แล้วจะสอนให้พวกเขา..สามารถดำเนินอยู่ในการเห็นโลกทิพย์ อย่างรู้ตื่นได้
ดีแล้วละกชพรเอย..ลูกได้ทำหน้าที่อย่างแจ่มแจ้งดีแล้วนะ
และทำอย่างไม่มีตัวตนอย่างไร้ตัวไร้ตน
ไม่มีความยึดมั่นถือมั่น - ในสิ่งที่เป็นที่ทำ
นั่นถือว่า..เป็นบุคคลผู้รู้โลกทิพย์ เห็นโลกทิพย์ และพิสูจน์โลกทิพย์
ทำงานกับโลกทิพย์ได้ทุกอย่าง
เช่นนี้ละ พระพุทธเจ้าน้อย..
หากลูกจะเอาสภาวธรรมใดสภาวธรรมหนึ่ง - ไปเป็นแบบอย่าง
ลูกก็จงเอาเรื่องราวแห่งหลวงแม่กชพร..ไปเล่าสู่ผู้อื่นฟังเถอะ
เธอจงถ่ายทอดธรรมนี้ ให้ทุกคนได้ฟัง
และหลวงแม่กชพร..ก็สามารถพูดคุยกับทุกคนได้
ฉะนั้น.. ใครที่มีความสงสัยในเรื่องในสภาวธรรมเหล่านี้..
-- ก็สามารถเรียนรู้ศึกษาได้ +
นี่คือประโยชน์สูงสุดของลูกทั้งหลาย.. ในยุคนี้
ที่ลูกทั้งหลาย..จะพิสูจน์โลกทิพย์
จะอยู่กับโลกทิพย์ -โดยไม่หลงโลกทิพย์
ที่จะเรียนรู้เรื่องราวรายละเอียดของการสื่อสภาวธรรมจากโลกทิพย์
และเรื่องราวของหลวงแม่กชพร - กายที่รองรับธรรมแห่งเราตถาคตนี้..
ยังมีความสลับซับซ้อนอีกมากมาย
รายละเอียดที่นับไม่ถ้วน
ไม่สามารถเล่าจนหมดจนจบได้
ที่ลูกทั้งหลายนั้น.. ยังไม่รู้ไม่เข้าใจอีกหลายอย่าง
เพียงแต่สิ่งเหล่านี้.. เป็นสภาวะโดยรวมที่ให้ลูกทั้งหลาย - พอได้ฟังเป็นแบบอย่าง +
เช่นนี้ละ พระพุทธเจ้าน้อยเอย.. พอจะเข้าใจเช่นนี้อย่างนี้แล้วหรือยังเล่า
จงกล่าวทำนั้นมาเถิด.. ลูกเอ๋ย
+ +
พระพุทธเจ้าน้อย:: สาธุ พระพุทธเจ้าค่ะ
กราบขอบพระคุณในความเมตตาของพระพุทธองค์ นะเจ้าคะ
ที่พระองค์ทรงเมตตาให้หลวงแม่กชพร.. ได้เล่าสภาวธรรมให้ลูกทั้งหลายได้ฟัง
ลูกจะน้อมเอาสภาวธรรมเหล่านี้ไปเผยแผ่ให้จิตทั้งหลาย..ได้ทำความเข้าใจถึง..
การพิสูจน์โลกทิพย์
การรองรับงานจากโลกทิพย์
ซึ่งหลวงแม่กชพร.. ก็เป็นกายๆหนึ่ง - ที่เชื่อมต่อกับโลกทิพย์ได้ละเอียดที่สุด
ในยุคนี้ในจักรวาลนี้ +
ฉะนั้น.. หลวงแม่ก็จะสามารถชี้ทางแก่ทุกคนได้
หากใครมีข้อสงสัยเรื่องใด - ในเรื่องของจิตเชื่อมกับกาย
สภาวะของจิต -ที่เชื่อมกับจิตรวมกัน 2 จิต..อยู่ในกายเดียวกัน
ในเรื่องของโลกทิพย์
หรือการทำงานเชื่อมต่อกับโลกทิพย์ -อย่างรู้ตื่น
หลวงแม่ก็ย่อมสามารถชี้ทางได้
ทีนี้ลูกก็จะไม่เป็นห่วงถึงเรื่องนี้แล้วพระพุทธเจ้าค่ะ
เพราะว่า.. เห็นว่ามีหลายคน - อาจจะหลงในโลกทิพย์
หรืออาจจะยังไม่สามารถที่จะพิจารณาเห็นสภาวธรรมเหล่านั้นได้อย่างแท้จริง
-- อาจก่อให้เกิดความหลงได้!
ตอนนี้ลูกก็พอจะเห็นหนทางแล้ว
และทุกคน..ก็มีหลักมีเกณฑ์ในการดำเนินปฏิบัติตามอยู่แล้ว
ขอเพียงแค่ให้มีความศรัทธาตั้งมั่นเท่านั้น
-- ทุกอย่างก็จะกระจ่างแจ้ง ++
... ลูกพอจะเข้าใจอย่างนี้แล้วพระพุทธเจ้าค่ะ
กราบขอบพระคุณพระพุทธองค์ ที่ทรงเมตตาแสดงธรรมนี้ให้ลูกได้ฟังนะเจ้าคะ
วันนี้ ลูกต้องกราบขอลาก่อน เอาไว้ลูกจะมาเฝ้าฟังทำใหม่ พระพุทธเจ้าค่ะ…
สาธุ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 30, 2022, 09:57:25 am โดย thanapanyo »

บันทึกการเข้า