« เมื่อ: สิงหาคม 11, 2021, 07:14:34 am »
พุทธธรรมแห่งความเมตตา วันที่ 10 สิงหาคม 2564
บทที่ 95**กำจัดจุดอ่อนของตน**
+ +
ในเช้าของวันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2564 ณ สวนธรรมิกราช
เมื่อท่านพระยาธรรมิกราชได้กราบนอบน้อมเข้าเฝ้า ต่อองค์พระพุทธบิดา องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ท่าน เพื่อเฝ้าฟังธรรมแล้ว จึงได้นอบน้อมเฝ้าทูลถามพระพุทธองค์ท่านไป ดังนี้ว่า...
“ ข้าแต่องค์พระพุทธบิดา องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เจ้าขา..
วันนี้ ลูกจะขอเฝ้าทูลถามถึง ข้อธรรม บทที่ 95น่ะเจ้าค่ะ
พระพุทธองค์เจ้าขา..ในช่วงที่ผ่านมานี้
จากการประพฤติปฏิบัติฝึกฝนตนพิจารณาตามสภาวธรรมที่เกิดขึ้นในตน
และในดวงจิตที่ลูกนั้นได้เรียนรู้ศึกษา..ในจิตของลูก / ในจิตของผู้อื่น
ทำให้ลูกนั้นได้ค้นพบว่า..เราทุกคนดวงจิตทุกดวงนั้น.. ย่อมมีสิ่งหนึ่งที่เป็นจุดอ่อนของเรา
หรือเป็นสิ่งที่เรามักจะพ่ายแพ้ต่อสิ่งๆ นั้นอยู่เสมอ
การที่จะเอาชนะสิ่งๆนั้นได้นั้นมันก็ช่างเป็นเรื่องที่ยากมาก
และสิ่งๆนั้นก็คอยทำร้ายเรา
ทำให้เรานั้น.. ไม่ประสบความสำเร็จ
หรือไม่ได้ทำในสิ่งที่ดีได้.. เท่าที่ควร
แต่เมื่อเราดูดีๆแล้วสิ่งๆนั้น..ก็มีสิ่งที่ช่วยเรา
หรือว่ามีความดีที่ซ่อนอยู่ในสิ่งๆนั้นอีก *
ฉะนั้น.. ลูกจึงจะขอถึงพระองค์โปรดทรงเมตตาเป็นที่พึ่งอธิบายสภาวธรรมที่เกิดขึ้นนี้
ให้ลูกได้พิจารณาให้เข้าใจกระจ่างแจ้งด้วยเถิดพระพุทธเจ้าค่ะ ”
- - - -
พระพุทธองค์:: ดีแล้วละ พระยาธรรมเอย..ถ้าอย่างนั้น ก็จงตั้งใจฟังให้ดีนะ
พระยาธรรมเอย..ลูกจงพิจารณาให้เห็นตามความเป็นจริงเช่นนี้ อย่างนี้เถิดว่า..
ของสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นแล้ว.. ย่อมมีทั้งคุณและโทษ
เรื่องๆหนึ่งเกิดขึ้นแล้ว.. ย่อมมีทั้งคุณและโทษ
ทุกสรรพสิ่งบนโลกนี้..ย่อมมีทั้งด้านดีและไม่ดีเป็นธรรมดา
ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่มีทั้ง 2 ด้าน
ฉะนั้นพระยาธรรมเอย..ขึ้นอยู่กับว่าตัวของเรานี้จะมองด้านไหนจะเอาด้านไหน
แล้วจะทำยังไงมันเหลือแต่สิ่งที่ดี
สิ่งที่ไม่ดี - ให้มันหายไปหมดไป
พระยาธรรมเอย..เมื่อลูกได้รู้ ได้ทำความเข้าใจ
ถึงทั้งด้านที่ดี - ด้านที่ไม่ดี
เมื่อลูกได้ทำความรู้จักอย่างกระจ่างแจ้ง
แล้วคัดเอาแต่สิ่งที่ดีจนเหลือสิ่งที่ดี - ดีอย่างแท้จริง
จนอยู่เหนือความดีสิ่งที่ดีนั้น..
-- โดยไม่ยึดติดโดยเห็นเพียงสักแต่ว่า --
ก็ย่อมจะเป็นหนทางที่ถูกต้องอยู่แล้วละ.. พระยาธรรม
เอาละนะ พระยาธรรมเอย..ลูกก็คงพอจะเข้าใจตามที่อธิบายไปแล้ว ในระดับหนึ่ง
แต่ก็คงยังเข้าใจ ไม่ค่อยกระจ่างแจ้งทั้งหมด
ถ้าอย่างนั้น ลูกก็จงฟังธรรมอธิบาย ทั้ง 5 ประการนี้
ในประการที่ 1 - นั้น
สิ่งที่ลูกควรจะทำก็คือ ให้ลูกนั้น..
- หาจุดอ่อนแอของตนให้เจอ
- หาสิ่งที่เราพ่ายแพ้ต่อมันอยู่เสมอ ให้เจอว่ามันคืออะไร
ตัวของเรานี้ พ่ายแพ้ต่อสิ่งใด
อะไรคือสิ่งที่บกพร่อง ที่ตัวของเรานี้ควรจะแก้ไข
-- แต่ไม่สามารถเอาชนะมันได้เลย - ในตัวของเรานี้คืออะไร ?
เพราะแต่ละคน อาจจะมีสภาวธรรมแตกต่างกัน
คือ จุดอ่อน หรือปัญหาของแต่ละคน.. อาจจะไม่เหมือนกัน +
เราแพ้ต่อเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ที่เรื่องนั้น.. อาจจะเป็นเรื่องง่ายสำหรับบุคคลผู้อื่น
ส่วนบุคคลอื่นเขาก็อาจจะพ่ายแพ้ต่อสิ่งที่เราคิดว่ามันเป็นเรื่องง่าย
และมันก็มีอะไรอีกมากมายหลายเรื่องหลายสิ่งหลายอย่าง
ที่สามารถเกิดขึ้นกับทุกๆคน แตกต่างกันไป...
ฉะนั้น.. ในประการที่ 1-- นี้ ก็คือ เราจงหาสิ่งที่เป็นจุดอ่อนของเราให้เจอเถิดลูก
ว่า สิ่งที่เป็นจุดอ่อนของเรานั้น คืออะไร ?
อะไรเล่าที่เป็นสิ่งที่เราข้ามมันจะยากที่สุด
เรื่องใดเล่า..
- ที่มันคอยทำร้ายทำลายเรา
- มันคอยทำให้เรานี้พ่ายแพ้อ่อนแอ -แพ้อยู่ร่ำไป
ค้นหามันให้เจอเสียก่อน ลูก +
และทำความรู้จักกับมันให้ดีจับมันให้ได้ว่ามันคืออะไร
นี่คือสิ่งที่เราควรที่จะทำ ในประการที่ 1 -
เพราะถ้าหากว่าตัวเราเองยังไม่รู้ไม่เข้าใจว่า อะไร
คือสิ่งที่เป็นหลัก
คือ สิ่งที่มันนั้น ยากที่สุดสำหรับเรา
เป็นหลักในการทำร้ายทำลาย ตัดรอนความสำเร็จความสุข อันตนพึงจะได้รับ
อะไรคือจุดอ่อนที่อ่อนแอที่สุดของตน - ที่คอยครอบงำและทำให้ตนนั้นพ่ายแพ้
หากเรายังไม่รู้จัก.. เราก็จับตัวของมันไม่ได้ จับจุดของมันได้ แก้ไขไม่ตรงจุด
-- เราก็ย่อมไม่สามารถที่จะแก้ไขมันได้หรอก.. พระยาธรรมเอย
ฉะนั้นลูกเอ๋ย..เราจึงควรที่จะหามันให้เจอ -อะไรคือจุดอ่อนของเรา
-- เพื่อที่จะได้แก้ไขให้ตรงจุด--
ต่อไปประการที่ 2--
ลูกนั้น.. เมื่อหาเจอแล้วว่าอะไรคือสิ่งที่มีอำนาจต่อตนทำร้ายตน
ลูกก็ควรที่จะพิจารณาหาสิ่งที่เป็นโทษ - ที่มีอยู่ในเรื่องๆนั้น
ว่าสิ่งนั้นเมื่อเรายังมีอยู่..
/ มันก่อให้เกิดโทษอะไรกับเรา
/ ก่อให้เกิดทุกข์อะไรกับเรา
/ มันทำร้ายทำลายเรามากขนาดไหน
/ มันทำให้เราต้องจมอยู่กับอำนาจของมัน- ทุกข์เพียงใด
/ จะต้องเป็นทาสของมัน.. แล้วเป็นยังไง
หาให้เจอในด้านที่ไม่ดี คือ โทษของมัน
แล้วก็จงหาให้เจอ - ในสิ่งที่เป็นประโยชน์ของสิ่งเหล่านั้น
คือด้านดีของสิ่งเหล่านั้น
ดูให้เจอ หาให้พบว่า
สิ่งนี้ที่ไม่ดีในตัวเรา - มันให้ประโยชน์อะไรกับเราบ้าง +
หามันให้เจอว่า.. เรานี้มีความดื้อด้าน
แต่ความดื้อด้านของเรานั้น -- ก็ก่อให้เกิดประโยชน์บางอย่าง
มีความแข็งแกร่งหนักแน่นในตนเองเชื่อมั่นในตนเอง
-- และสิ่งนั้นก่อให้เกิดประโยชน์อะไรแก่เรา +
หาให้เจอในสิ่งที่อาจจะเป็นจุดอ่อนของเรา คือ ความเมตตา - ที่เมตตามาก
แต่มันก็สร้างทุกข์ให้กับเรา
แต่ว่าในความเป็นจริงมันก็มีประโยชน์ -ในความเมตตามากนั้นเหมือนกัน
... เช่นนี้เป็นต้น ละลูก
จงหาประโยชน์ในสิ่งที่มันเป็นจุดอ่อนของเราให้เจอว่า
มันก่อประโยชน์อะไรให้กับเราบ้าง - ในด้านที่เป็นประโยชน์
เมื่อเรารู้แล้วว่า..โทษของมันคืออะไรมันมีโทษอะไรกับเราบ้าง
เมื่อเรารู้แล้วว่า.. มันก่อประโยชน์อะไร ให้กับเราบ้าง
เราเห็นทั้งด้านดีและไม่ดี / ทั้งคุณและโทษของมันแล้ว
เราก็ค่อยๆพิจารณาเข้าสู่ประการที่ 3 -- อย่างนี้ว่า
เลือกเอาแต่ด้านที่ดี ที่มีประโยชน์ของเขา
- มา..
เรียนรู้ทำความรู้จักเข้าใจในสิ่งๆนั้นอย่างกระจ่างแจ้ง
เรียนรู้ในความเมตตาที่มี - ในด้านที่ดีในสิ่งที่เป็นประโยชน์
ทำความเข้าใจให้กระจ่างแจ้งในสิ่งที่เกิดขึ้นมีอยู่ในตัวของเรานั้น
แล้วเลือกเอาแต่สิ่งที่ดีด้านที่ดีส่วนที่ดี +
-- ส่วนไหนที่ไม่ดี - เราก็ตัดทิ้งไป ถอดถอนไป !
เลือกเอาแต่ด้านที่ดี.. ลูกเอ๋ย
เช่น..
ความเชื่อมั่นในตัวเอง
การเด็ดขาดในการตัดสินใจอะไร
ความยึดมั่นในความรู้ความเป็นตัวเรานั้น
เราก็จงดูว่า..มันดีตรงไหน
และมีอะไรบ้างที่ไม่ดีที่เจือปนเข้ามา
-- เราก็ถอดถอนไปทิ้งไปทำลายมันไป..
ให้เหลือแต่ด้านที่ดีด้านที่มีประโยชน์*
เช่นความเมตตา - ก็ต้องมีความเมตตาที่ถูกต้อง
--จึงจะมีแต่ประโยชน์ไม่ก่อให้เกิดโทษ--
ความเชื่อมั่นในตนเองความดื้อความรั้น
...ก็ควรที่จะมีอยู่ในกรอบของความดีและความถูกต้องที่สุด
-- โดยปราศจากอัตตาตัวตนความเห็นผิดต่างๆเข้ามาเจือปน
ก็จะเป็นความเด็ดเดี่ยวเด็ดขาด
ก็จะเป็นความเชื่อมั่น - ที่ถูกต้องที่ดี
-- ที่จะพาให้ตนไปสู่ทิศทางที่ดี ++
คืออะไรที่ไม่ดี - ก็ถอดถอนไปทิ้งไป!
ให้เหลือแต่มุมที่ดีด้านที่ดี นั่นละลูก
-- แล้วก็จะดีไป
... เช่นนี้ละ พระยาธรรมเอย
ต่อไป ประการที่ 4--
แล้วลูกนั้น.. ก็จะเข้าใจในสิ่งนั้นตามความเป็นจริง
ทั้งด้านดี - และด้านไม่ดี
-- ตามเหตุตามสิ่งนั้นเรื่องนั้น.. ที่เกิดขึ้น อย่างรู้ตื่นแจ่มแจ้ง --
ลูกจะเห็นโทษที่มีอยู่..
-- ขจัดออกไม่ยุ่งเกี่ยวไม่ข้องเกี่ยวกับเขา!!
เห็นด้านที่ดี ที่มีอยู่..
-- อย่างรู้ตื่นเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งชัดเจน
และประพฤติปฏิบัติตามได้ อย่างที่ไม่เป็นโทษกับลูกเลย...
ทีนี้ ลูกก็จะสามารถที่จะอาศัยสิ่งนั้นเรื่องนั้น
-- ทำในสิ่งที่ดีทำในสิ่งที่ประสบความสำเร็จได้อย่างสูงสุด-โดยไม่ทำร้ายทำร้ายใคร
พระยาธรรมเอย..ทีนี้ก็จะเข้าสู่ประการที่ 5-- ก็คือ
// เราจะสามารถอยู่เหนือทุกสิ่งทุกอย่างทุกเรื่องราว
// เราจะสามารถอยู่เหนือสิ่งที่คิดว่ายากที่สุด / สิ่งที่อ่อนแอและทำร้ายทำร้ายเรา
อยู่เหนือสิ่งเหล่านั้น..
เพราะสิ่งเหล่านั้น..ไม่ทำโทษแก่เราแล้ว
เพราะสิ่งเหล่านั้น - ทำคุณกับเราอยู่..
และเราก็จะอยู่เหนือทั้งสิ่งที่เป็นคุณและโทษนั้น
... เพราะเราจะเห็นทุกอย่างดำเนินไป - เพียงสักแต่ว่า...
เช่นนี้ละ พระยาธรรมเอย.. ในธรรมที่ลูกได้กล่าวถามมาในวันนี้
พระยาธรรมเอย..ย่อมเป็นธรรมดาละลูก
ที่ดวงจิตทุกดวงคนทุกคนนั้น.. จะมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
-- ที่เป็นจุดอ่อนเป็นจุดบกพร่องของตนเอง
-- ที่ทำให้ตนนั้นพ่ายแพ้ต่อสิ่งนั้นอยู่เสมอ แล้วก็เอาชนะสิ่งเหล่านั้นได้ยากมาก
รวมถึงสิ่งนั้น.. ก็จะเป็นสิ่งที่ทำร้ายทำลายตน
แต่ว่าว่าอีกด้านหนึ่งของสิ่งๆนั้น -ก็กลับก่อให้เกิดประโยชน์แก่ตนด้วยเช่นเดียวกัน ++
เป็นธรรมดาละลูก - ที่คนเรานี้จะมีสิ่งเหล่านี้
เพราะทุกสรรพสิ่งในโลกใบนี้..ล้วนแล้วแต่มี 2 มุม2 ด้าน
แต่ถ้าหากว่า เราปล่อยให้ตนจมอยู่กับด้านที่ไม่ดี
--สิ่งนั้นก็จะนำพาให้ได้รับแต่ด้านที่ไม่ดี !
และจมไปกับความไม่ดีนั้น...
ถ้าหากว่า เรานี้..เลือกที่จะมองด้านที่ดี
หยิบเอาสิ่งนั้นมาเรียนรู้ศึกษามาทำให้แจ้งในเรื่องนั้นสิ่งนั้น..
และหยิบเอาเลือกเอาเฉพาะสิ่งที่ดี
ทำสิ่งที่ดี.. ให้ก่อเกิดขึ้น
--เราก็ย่อมจะอาศัยสิ่งนั้น.. ให้ไปสู่ทิศทางที่ดีนั้นละลูก
ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อมั่นในตนเองความเด็ดเดี่ยว
การกล้าตัดสินใจอย่างเด็ดขาดการเชื่อมั่นในตนเอง
ความเมตตาที่มีอยู่ในตน
... หรืออะไรก็ตามละ ลูก
--มันย่อมมีด้านที่ดีและไม่ดีอยู่เสมอ --
เรื่องที่ว่าดี - ก็มีแต่ด้านที่ไม่ดีอยู่ด้วย *
เรื่องที่ว่าไม่ดี - ก็ย่อมมีด้านที่ดีอยู่ด้วย*
... เป็นเช่นนั้นอย่างนั้นเป็นธรรมดา
ฉะนั้นให้ลูกทั้งหลาย.. จงทำความเข้าใจตามธรรมที่ได้ยินได้ฟังที่ได้ชี้ทางบอกทางไป
คือการหา
จุดบกพร่องสิ่งที่ตนอ่อนแอ
จุดที่ทำร้ายทำลายตน ที่ตนข้ามผ่านได้ยากนั้น.. ให้เจอ
- ทำความรู้จักเขาเสีย..
และหาสิ่งที่เป็นโทษและเป็นประโยชน์ -ในตัวของเขาในเรื่องของเขา
แล้วก็หยิบเอาเฉพาะสิ่งที่เป็นประโยชน์หรือด้านที่เป็นประโยชน์..
มาเรียนรู้ทำความรู้จัก... ให้เข้าใจรู้จักสิ่งนั้นอย่างกระจ่างแจ้ง
แล้วลูกก็จะเข้าใจสิ่งนั้นตามความเป็นจริงในทั้งด้านและไม่ดี
- ตามเหตุของสิ่งนั้น
- ตามเรื่องของสิ่งนั้นที่เกิดขึ้น
จนรู้ตื่นอย่างรู้ตื่น อย่างกระจ่างแจ้ง...
ลูกก็จะสามารถอยู่เหนือสิ่งนั้นได้ - อย่างไม่มีโทษอะไรกับลูกอีก+
ลูกก็สามารถอยู่กับสิ่งนั้นได้- เพียงแต่สักแต่ว่า เท่านั้น
ทั้งด้านคุณ - และโทษนั้น- ก็จะไม่มีอะไรเป็นอะไรกับลูกอีกต่อไป
...เพราะลูกได้อยู่เหนือทุกสิ่งนั้นแล้ว...
เช่นนี้ละ พระยาธรรมเอย.. ลูกพอจะเข้าใจบ้างแล้วหรือยังเล่า
จงกล่าวธรรมนั้นมาเถิด.. พระยาธรรม
+ +
พระยาธรรม::
กราบขอบพระคุณพระพุทธองค์ ที่ทรงเมตตาแสดงธรรมนี้ให้ลูกได้ฟัง พระพุทธเจ้าค่ะ
ลูกพอจะเข้าใจแล้วว่า..
เมื่อเราหาจุดบกพร่องของตนเองเจอแล้ว
ทำความรู้จักเข้าใจกับสิ่งนั้น
และหยิบเอาเฉพาะด้านที่ดี.. มาเป็นการเรียนรู้ศึกษา
และทำเฉพาะในด้านที่ดี.. ให้ก่อเกิด
สิ่งใดไม่ดี - ให้ทำร้ายทำลายไปแก้ไขไป
... ให้เหลือแต่ด้านที่ดีและให้อยู่เหนือในสิ่งที่เราเป็นเราทำนั้นด้วย
-- เราก็จะสามารถพ้นทุกข์ได้++
การที่คนเรานั้นจะมีข้อใดข้อหนึ่งจุดบกพร่องใดจุดบกพร่องหนึ่ง -ที่เป็นจุดอ่อนของตนเอง
... ย่อมเป็นธรรมดา
แต่เราจะสามารถเอาชนะเขาได้ต่อเมื่อ
// เลือกเอาแต่ด้านที่ดี
// ทำแต่สิ่งที่เกิดประโยชน์
// และละสิ่งที่เป็นโทษ
-- และอยู่เหนือสิ่งที่ดีและไม่ดีนั้นให้ได้--
ลูกพอจะเข้าใจเช่นนี้อย่างนี้แล้วพระพุทธเจ้าค่ะ...
สาธุ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 28, 2022, 07:09:27 pm โดย thanapanyo »

บันทึกการเข้า