« เมื่อ: มิถุนายน 18, 2018, 08:43:36 am »
พุทธธรรมสำหรับนักบวช วันที่ 18 มิถุนายน 2561
ตอนที่ 360 **สิ่งที่เคารพศรัทธาในพระพุทธศาสนา**
+ +
ในเช้าของวันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2561 ณ พุทธอุทยานภูสวรรค์
ข้าพระพุทธเจ้า เมื่อได้กราบนอบน้อมเข้าเฝ้าต่อองค์พระพุทธบิดา องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ท่านแล้วนั้น.. จึงได้เฝ้าทูลถามพระพุทธองค์ท่านไป ดังนี้ว่า...
“ ข้าแต่องค์พระพุทธบิดา องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เจ้าขา..
วันนี้ ลูกจะขอเฝ้าฟังธรรมต่อจากคลิปเมื่อวานนี้ น่ะเจ้าค่ะ
เมื่อวานนี้ลูกได้ฟังธรรมถึงการสืบทอดพระพุทธศาสนาแล้ว.. แต่ลูกยังไม่ได้ฟัง
เรื่องของการเรียงลำดับ การเคารพซึ่งกันและกัน ขององค์พระพุทธเจ้าก็ดี ขององค์พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์เจ้า และเรียงลำดับการประพฤติปฏิบัติของทุกดวงจิตในศาสนาพุทธเรา
ลูกจึงตั้งใจว่า วันนี้จะขอเฝ้าฟังธรรม ถึงเรื่อง การเรียงลำดับการเคารพกัน
และต้องเคารพกันเพื่ออะไร เพราะอะไร..
ขอพระพุทธองค์โปรดทรงเมตตาแสดงธรรมนี้ให้ลูกได้ฟังด้วยเถิด พระพุทธเจ้าค่ะ “
- - - -
ก็ดีแล้วละ พระยาธรรมเอ๋ย.. ถ้าอย่างนั้น ก็จงตั้งใจฟังไว้ให้ดี จดจำเอาไว้ให้ได้ แล้วก็นำธรรมนี้ไปเผยแผ่ เพื่อที่จะได้ให้นักบวช นักปฏิบัติทั้งหลาย.. ยึดเป็นหลักในการทำความดี
พระยาธรรมเอ๋ย.. ดวงจิตเมื่อประพฤติปฏิบัติจนเข้าถึงการดับการเกิด คือ การเป็นองค์พระอรหันต์แล้ว ดวงจิตทั้งหลายเหล่านั้น.. ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องยึดถืออะไรอีกต่อไป **
เพียงแต่การเคารพตามลำดับ ที่ควรจะมีอยู่ในพระพุทธศาสนา ก็เพื่อ การยึดหลักในการทำความดี
เมื่อตนนั้นยังต้องประพฤติปฏิบัติอยู่ในการเกิดเป็นมนุษย์ อยู่ในกายนี้ อยู่ในหน้าที่ ยังมีสิ่งที่เกี่ยวกับสมมุติทั้งหลายอยู่..
-- จึงต้องยึด เพื่อที่จะให้เป็นความดี ตามลำดับ ++
พระยาธรรมเอ๋ย.. บุคคลผู้ที่สามารถประพฤติปฏิบัติ จนเข้าถึงการบรรลุเป็นองค์พระอรหันต์นั้น..
ในความเป็นจริงแล้ว.. ก็ไม่ได้มีการยึดถืออะไรทั้งหมดทั้งสิ้น
เพียงแต่ดวงจิตที่ยังครองกายอยู่นั้น - ก็ยังคงต้องสักแต่ว่า..
-- ต้องทำตามสิ่งที่สมมุติมีอยู่นั้น เพื่อประกอบความดีเข้าไว้ ให้สมบูรณ์ในความดี เท่านั้น **
ฉะนั้น.. การเคารพตามลำดับที่จะกล่าวต่อไปนี้ จึงเป็นสิ่งที่สมมุติประกอบไว้
- เพื่อที่จะได้ทำ รักษาความดีอยู่ในกรอบของสมมุติให้ดี ให้สมบูรณ์
-- ตามลำดับของดวงจิต ผู้ที่หลุดพ้นไปแล้ว แต่ละลำดับ *
ส่วนดวงจิตผู้ที่กำลังประพฤติปฏิบัติทั้งหลาย ที่ยังไม่สามารถเข้าถึงความหลุดพ้นได้
ดวงจิตทั้งหลายเหล่านั้น.. เขาจะต้องยึดเอาไว้ ปฏิบัติตามแนวทางนี้ไว้..
- เพื่อที่จะได้ไม่เย่อหยิ่งจองหอง ไม่ลุ่มหลงในตัวในตนของตน
- เพื่อที่จะได้ทำให้ตนนั้นเล็กลง จะได้ไม่ถือเอา ยึดเอาว่า ตัวเป็นใหญ่
ฉะนั้น.. ลำดับที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้ มันก็เป็นสิ่งที่ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
/ องค์พระปัจเจกพุทธเจ้า / องค์พระอรหันต์เจ้า ท่านทั้งหลาย ..
- ใช้ในการยึดหลัก เพื่อเป็นความดีในโลกสมมุตินี้ +
ส่วนจิตทั้งหลาย.. ที่ยังไม่สามารถบรรลุเป็นองค์พระอรหันต์
ก็ต้องใช้ เพื่อที่จะได้
- ไม่ยึดถือในตนเอง ว่าดี ว่าใหญ่
- ไม่ค้ำหนุนกิเลส คือ ทิฐิแห่งตน
พระยาธรรมเอ๋ย.. สิ่งที่ประกอบคู่อยู่กับโลก ให้มันเป็นความดีอย่างสมบูรณ์
.. ก็ยังควรจะทำอยู่ *
- ทั้งที่จิตนั้นยังไม่หลุดพ้น
- ทั้งที่จิตนั้นหลุดพ้นแล้ว แต่ยังครองกายอยู่
ควรที่จะเรียงลำดับ สมมุติของการทำความดี ให้ถูกต้อง เพื่อที่ตนนั้นจะได้รู้ตามสมมุตินั้นอย่างถูกต้อง เพื่อที่จะได้ดับกิเลสแห่งตน เพื่อประกอบความดีนั้นเข้าไว้ เท่านั้น..
แต่หากจิตหลุดขึ้นสู่พระนิพพานแล้ว.. ก็จะไม่มีสิ่งใด -
ที่จะ ที่ต้อง ที่ต้องทำ ต้องยึดถือ ต้องอะไร อีกต่อไป..
เพียงแต่สิ่งที่มีอยู่นั้น ก็สมมุติเพียง เพื่อแค่ให้ดวงจิตทั้งหลาย ที่จะต้องทำความดี
- ได้รู้ ได้ประพฤติปฏิบัติ ทำความดี - ตามแนวทางที่มันมีอยู่ เท่านั้นนะ.. พระยาธรรม
เอาละนะ.. ทีนี้ก็ตั้งใจฟังไว้ให้ดี ก็แล้วกันนะลูก
องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์แรกนั้น ท่านทรงเคารพ พระธรรม
ซึ่งเป็นเส้นทางที่ท่านนั้นอาศัย ในการตรัสรู้เป็นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ถ้าเกิดท่านไม่เคารพ ทางเส้นที่ท่านประพฤติปฏิบัติ จนเข้าถึงการตรัสรู้นั้น..
/ ท่านก็จะไม่มีอะไรเป็นหลัก ในการนำพาท่านไป
/ ท่านต้องมีศรัทธา - กับเส้นทางที่ท่านทำ กับสิ่งที่ท่านประพฤติปฏิบัติ
/ ท่านต้องมีศรัทธากับสิ่งเหล่านี้มาก..
-- ท่านจึงมั่นใจ และอาศัยสิ่งเหล่านี้ พาให้ท่านพ้นทุกข์ ++
คนเราน่ะ พระยาธรรม.. หากเราจะทำการสิ่งใด แต่
- เราไม่ศรัทธาในสิ่งที่เราทำ
- ไม่เคารพ ไม่นับถือ ในสิ่งที่เราทำ
-- เราก็ไม่สามารถประสบความสำเร็จ กับสิ่งที่เราต้องการจะทำนั้นได้ **
ฉะนั้น.. องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์แรก ท่านจึง
* เคารพพระธรรม
* เคารพทางเส้นที่ท่านนั้นใช้ เพื่อตรัสรู้
และเมื่อตรัสรู้เป็นองค์พระสัมมาสัมพุธเจ้าแล้ว.. ท่านก็สละ ละวางสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ไว้กับโลก โดยไม่ยึด ไม่ถือ ++
แต่ท่านนั้นก็ยังคงดูแลทางเส้นนี้เอาไว้ ให้ทุกดวงจิต ได้เดินตาม..
องค์พระพุทธเจ้าพระองค์แรก จึงเคารพพระธรรม
-- แม้พระธรรมนั้นจะเกิดขึ้นจากการแสวงหา ของตัวท่านเอง ก็ตาม **
แต่ทางเส้นนั้นก็ต้องเคารพ เพื่อตนนั้นจะได้ศรัทธาเชื่อมั่นในทางเส้นนั้น
และจะได้เดินถูกทาง จะได้สามารถอาศัยทางนั้นพ้นทุกข์ได้
อย่างนี้ละ.. พระยาธรรม
องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันนั้นๆ ที่ตรัสรู้ - ก็จะเคารพ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ ที่ทรงเสด็จมาตรัสรู้บนโลก และเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานไปก่อนหน้าแล้วทุกๆพระองค์
และพระองค์ท่าน ก็ยังทรงเคารพพระธรรม - ทางเส้นที่ท่านนั้นใช้ตรัสรู้ เช่นเดียวกัน ++
ฉะนั้น.. องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน จึงมีสิ่งที่ตนเคารพ ศรัทธา คือ
องค์พระพุทธเจ้าองค์ที่ตรัสรู้ไปแล้วทุกพระองค์
พระธรรมทางเส้นที่ตนใช้ในการตรัสรู้ มีศรัทธามั่นคงกับทางเส้นนั้น
-- จนสามารถที่จะอาศัยความดีเหล่านี้ นำพาให้ท่าน สำเร็จตรัสรู้ เป็นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ++
และแม้ว่า ได้ตรัสรู้เป็นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ไม่ยึดถือในสิ่งใดแล้ว
เพียงแต่สิ่งเหล่านี้เป็นความดีที่รักษาไว้ - เพื่อดวงจิตทั้งหลายผู้เดินตาม จะได้รักษาความดีนี้ไว้ให้สมบูรณ์.. ++
องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์ปัจจุบันนั้นๆ ที่ตรัสรู้ -
เมื่อตรัสรู้สำเร็จเป็นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว.. ก็ยังคงรักษาทางเส้นนั้น ที่ใช้ในการตรัสรู้ และกระทำ- ไว้ให้ดวงจิตทั้งหลาย..ได้เดินตามต่อไป
องค์พระปัจเจกพุทธเจ้า ท่านทรงเคารพ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ และท่านทรงเคารพ พระธรรม เคารพทางเส้นที่ท่านนั้น
- อาศัยเพื่อมาสู่พระนิพพาน
- อาศัยเพื่อเป็นแนวทางในการตรัสรู้
มีศรัทธามั่นหมายเช่นนี้ อย่างนี้ - เพื่อยึดไว้เป็นการทำความดี เมื่อยังอยู่ในโลกสมมุติอยู่
แม้จิตไม่ได้ยึดติด แต่ก็ต้องเคารพสิ่งเหล่านี้ เพื่อเป็นเหตุ เป็นปัจจัย
เป็นกำลังในการนำพาตน ให้ถึงซึ่งความพ้นทุกข์
และการที่เรามีการเคารพในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง - ที่รู้สึกว่าเหนือกว่าเรา หรือว่ามีคุณกับเรา
-- นั่นย่อมเป็นสิ่งที่จะช่วยให้เราดับความเป็นเรา ดับอัตตาดับตัวตนได้.. ลูกเอ๋ย
ต่อไป องค์พระอรหันต์สาวกทั้งหลาย..
* เคารพองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
* เคารพองค์พระปัจเจกพุทธเจ้า
* เคารพพระธรรม ทางเส้นที่ท่านทั้งหลายเหล่านั้นใช้สำหรับการประพฤติปฏิบัติ
- เพื่อบรรลุมรรคผล นิพพาน
* เคารพในความเป็นพระสงฆ์แห่งตน และในความเป็นพระสงฆ์ของผู้อื่น ในความเป็นพระสงฆ์ของพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นองค์ที่สาม แห่งองค์พระรัตนตรัย
ซึ่งถือว่า ก็เป็นเหตุเป็นปัจจัย เป็นแนวทางเส้นหนึ่ง หรือว่าเป็นการประพฤติปฏิบัติอย่างหนึ่ง..
- ที่สามารถช่วยให้ตนพ้นจากความทุกข์ *
ฉะนั้น.. องค์พระอรหันต์ จึงเคารพ
องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
องค์พระปัจเจกพุทธเจ้า
เคารพองค์พระอรหันต์ เคารพพระธรรม
เคารพพระสงฆ์
อย่างนี้ละ.. พระยาธรรม
ต่อไป.. องค์พระอริยะเจ้าทั้งหลาย เคารพองค์พระพุทธเจ้า องค์พระธรรม และองค์พระสงฆ์ เพื่อเป็นที่พึ่งแห่งตนในการประพฤติปฏิบัติบำเพ็ญ เพื่อเข้าสู่พระนิพพาน..
และย่อมหมายถึง องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์
ย่อมหมายถึง พระธรรม
ย่อมหมายถึง พระสงฆ์ที่มีอยู่ ซึ่งเป็นองค์สาม ที่ประกอบกันไว้ในพระพุทธศาสนา
และย่อมเคารพไปจนถึง องค์พระปัจเจกพุทธเจ้า
รวมถึงองค์พระอรหันต์ทุกพระองค์ - ซึ่งก็รวมอยู่ในองค์พระรัตนตรัยอยู่แล้ว
พระยาธรรมเอย.. เมื่อองค์พระอริยะเจ้า พระอริยะบุคคลทั้งหลาย
เคารพองค์พระพุทธ องค์พระธรรม และองค์พระสงฆ์
-- ย่อมประพฤติปฏิบัติตาม โดยไม่มีทิฐิอัตตาและตัวตน *
-- ย่อมสามารถที่จะรักษาความดีไว้ได้ *
ต่อไป สมมุติสงฆ์ ก็ย่อมต้องเคารพ
* องค์พระพุทธ องค์พระธรรม และองค์พระอริยะสงฆ์
* องค์พระอริยะเจ้า อริยะบุคคลทั้งหลาย
ย่อมต้องเคารพเช่นนี้.. เพื่อจะได้เป็นเหตุเป็นปัจจัย ที่จะค้ำหนุน
- และรักษาตนให้อยู่ในกรอบของความ..
// ไม่เย่อหยิ่งจองหอง
// ไม่หลงในตัวในตน ในความเป็นสมมุติสงฆ์แห่งตน
-- จะได้ประพฤติปฏิบัติตาม องค์พระพุทธ องค์พระธรรม
และองค์พระอริยะเจ้า อริยะบุคคลทั้งหลาย ++
พระยาธรรมเอ๋ย.. ต่อไป ผู้ที่มีศีลน้อยกว่า ก็จะต้องเคารพผู้ที่มีศีลมากกว่า
เว้นแต่พระภิกษุณี ที่ต้องเคารพระภิกษุสงฆ์ แม้บวชในวันนั้น..
ก็ด้วยเหตุของการมีสิ่งที่ละเอียดอ่อน ในตัวของสตรีทั้งหลาย
- จึงต้องบัญญัติให้เป็นเช่นนั้น +
การมีศีลมากกว่า เพื่อดับความจุกจิกในชีวิตของ การประพฤติปฏิบัติเป็นพระภิกษุณี เท่านั้น
- แต่ยังคงต้องเคารพพระภิกษุสงฆ์อยู่ *
-- เว้นแต่ ภิกษุณีเท่านั้นละ.. พระยาธรรม
นอกจากนั้น.. บุคคลผู้ที่มีศีลน้อยกว่า ก็ย่อมต้องเคารพ - ผู้ที่มีศีลมากกว่า
- เพื่อที่จะได้ ทำให้ตนนั้นอยู่ในกรอบแห่งความดี
และแสดงให้เห็นถึงว่า
บุคคลผู้มีศีลน้อยกว่า - ย่อมอยู่ใกล้กิเลสตัณหามากว่า
บุคคลผู้ที่มีศีลมากกว่า
- ย่อมอยู่ห่างจากกิเลสตัณหามากกว่า
- และย่อมมองเห็นธรรมชัดเจนได้กว่า อย่างนั้น
* เป็นสิ่งที่ให้ทุกคนรักษาสิ่งตรงนี้เอาไว้
- เพื่อที่จะได้ไม่ต้องไปปรามาส ต่อบุคคลผู้มีศีลมากกว่าตน *
พระยาธรรมเอย.. สิ่งที่จะต้องเป็นเช่นนี้ ก็เป็นเพราะว่า ทุกคนจะได้อยู่ในกรอบ
- ของความดี
- ของการไม่มีอัตตา ไม่มีตัวตน ไงลูก
ถึงแม้ว่า บุคคลผู้ที่มี ศีล 8 จะเป็นพระอริยะบุคคลแล้ว ซึ่งมีความเป็นอริยะบุคคลนั้นที่เหนือกว่าพระภิกษุสงฆ์ ที่เป็นสมมุติสงฆ์อยู่ - ยังไม่สามารถเป็นพระอริยะเจ้า
ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นก็ตาม.. พระอริยะบุคคลผู้นั้น ควรที่จะเคารพพระสงฆ์
/ ซึ่งเป็นองค์แทนของ องค์พระรัตนตรัย
/ ซึ่งเป็นองค์แทนแห่ง องค์พระพุทธ และองค์พระธรรม
พระยาธรรมเอย.. ฉะนั้น จึงควรที่จะเคารพอยู่ดี เพื่อที่จะให้ดำรงซึ่งความดีเอาไว้
ประกอบความดีเอาไว้ ไม่ให้ตนเย่อหยิ่งจองหอง
ส่วนผู้ที่เป็นสมมุติสงฆ์นั้น ก็ได้กล่าวไปแล้วว่า..
ท่านทั้งหลายเหล่านั้น.. ย่อมเคารพ องค์พระอริยะเจ้า อริยะบุคคลทั้งหลายด้วย
ฉะนั้น.. ผู้ที่เป็นสมมุติสงฆ์ ก็ย่อมต้องเคารพผู้ที่มีจิตใจอันสูงส่งแล้ว
คือสามารถเข้าถึงการเป็น พระอริยะบุคคล แล้ว เป็นปกติ เช่นเดียวกัน
-- เพื่อดับการลุ่มหลง ยึดมั่นถือมั่น ในความเป็นสมมุติสงฆ์แห่งตน เช่นเดียวกัน ++
ฉะนั้น.. ก็จะต้อง เคารพกันไปเคารพกันมา ตามเหตุตามปัจจัยอันสมควร
ผู้มีศีลน้อย แม้จะเป็นพระอริยะเจ้า อริยะบุคคลแล้ว - ก็ต้องเคารพผู้มีศีลมาก
ผู้มีศีลมาก - ก็ต้องเคารพความดีของพระอริยะเจ้า
.. แม้เขานั้นจะอยู่ในกรอบของศีลน้อยกว่าก็ตาม เพื่อตนก็จะได้ดับอัตตาของตัวตน ++
พระยาธรรมเอ๋ย.. ต่อไป
*บุคคลผู้ที่มีพรรษาน้อย - ต้องเคารพบุคคลผู้ที่มีพรรษามาก *
นี่คือสิ่งสำคัญลูก จำเป็นที่จะต้องเป็นเช่นนั้น **
เพราะโดยปกติธรรมชาติ บุคคลผู้ที่ปฏิบัติมาก
- ย่อมต้องเข้าใจ และมีประสบการณ์มาก
- ย่อมเป็นผู้เห็นธรรมก่อน
... จึงควรเคารพ +
ถึงแม้จะไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสมอไป..
คนที่บวชทีหลัง อาจจะรู้ธรรมก่อนคนที่บวชมานานแล้ว ก็ตาม..
แต่ควรเคารพตามพรรษา เพื่อที่จะได้ตีกรอบความดีของตนไว้ -
/ ไม่ให้ตนเย่อหยิ่งจองหอง
/ ไม่ให้ตนนั้น ไปปรามาสผู้อื่น ผู้ซึ่งที่เป็นอาวุโสมากกว่าตน
-- ซึ่งจะเป็นเหตุแห่งการทำลายความดี จะกลายเป็นความเย่อหยิ่ง เป็นอัตตาขึ้นมาได้ ++
ทุกสิ่งที่ได้กล่าวไปนี้ ก็กล่าวเพียง..
เพื่อให้นักบวชทั้งหลาย ได้รู้ตามลำดับของการเคารพซึ่งกันและกัน
เพื่อจะได้ไม่เย่อหยิ่งจองหองกัน / ไม่พลาดไปจากกรอบของความดี ที่ควรจะรักษา
/ เพื่อจะได้อ่อนน้อมถ่อมตน
/ เพื่อจะได้อยู่ในกรอบของความดี
แต่พระยาธรรมเอ๋ย.. องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์แรก ท่านเคารพพระธรรม
ซึ่งพระธรรม คือธรรมชาติ / คือสิ่งที่มันเป็นไปอยู่แล้ว..
พระธรรมนั้น อาจเป็นคำสอนสั่ง *
- แต่คำสอนสั่งนั้น ก็คือ สอนให้เห็นตามธรรมชาติ +
ฉะนั้น.. พระองค์ท่านก็มองเห็นทุกอย่างบนโลกใบนี้ ด้วยความเคารพ
จิตทั้งหลาย.. จึงควรประพฤติปฏิบัติตาม
เราเคารพทุกดวงจิต ทุกสิ่งทุกอย่าง ที่มันมีอยู่ เป็นอยู่ บนโลกใบนี้
เคารพทั้งธรรมชาติ สิ่งที่มันเป็นไปอยู่.. ทั้งหมด..
ฉะนั้น..
ตัวเรา ก็คือธรรมชาติ
ตัวเขา ก็คือธรรมชาติ
จะเป็นสัตว์เล็กสัตว์น้อย เขาก็คือธรรมชาติ
ต้นไม้ใบหญ้า ก็คือธรรมชาติ
ป่าเขาลำธาร ก็คือธรรมชาติ
ฉะนั้น.. เราทุกคนที่เป็นคนดี ที่ประพฤติปฏิบัติดีตามองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
.. จึงควรเคารพทุกสิ่งบนโลกนี้ - เคารพ ด้วยการ..
ให้เกียรติ
ไม่เหยียดหยามเขา
ไม่ไปกระทำสิ่งที่ทำให้เขานั้น จะต้องถูกเบียดเบียนจากเรา
ไม่ยกตนข่มท่าน
ไม่ทำให้เขารู้สึกว่า ต่ำกว่าตน
ไม่ยกตนให้สูงกว่าเขา
-- ทุกอย่างมีสภาพเสมอเหมือนกัน - เพียงแค่ยกจิตห่างจากการยึดถือในสิ่งทั้งหลาย ก็พอ ++
อย่างนี้ละ พระยาธรรมเอย.. คือการที่ต้องเคารพกันและกัน ตามลำดับ
.. และเมื่อจบลำดับแล้ว ก็
* ควรเคารพทั้ง แผ่นดิน และผืนป่า
* ควรเคารพ สิ่งที่มันเป็นในธรรมชาติทุกสิ่ง
-- เคารพด้วยการไม่เบียดเบียนเขา
-- เคารพด้วยการรู้จักถ่อมตนอยู่ในกรอบของความดี
เพื่อตนจะได้ไม่หลงไปเป็นทาสแห่งกิเลส ยึดถือในตัวในตน
.. ต้องสลายทุกสิ่งทุกอย่างแห่งตนให้หมด...
โดยยอมที่จะให้ทุกสิ่งทุกอย่าง ที่มีอยู่ เป็นอยู่เหล่านั้น..
เป็นผู้ชี้ทาง นำทางช่วยเหลือตน - ให้ตนดับการเกิดให้ได้
อย่างนี้ละ พระยาธรรมเอย.. คือธรรมที่ลูกนั้นยังไม่ได้ฟัง ต่อจากคลิปเมื่อวานนี้
ดีแล้วละ เมื่อได้ฟังธรรมนี้แล้ว.. ก็จงทำความเข้าใจให้ดี แล้วก็นำไปเผยแผ่
เพราะทุกคนที่จะทำความดี จะต้องรู้เรื่องนี้
-- สิ่งนี้ จึงเป็นสิ่งที่ควรมีคู่อยู่กับศาสนาต่อไป ลูก
++
พระยาธรรม :: สาธุ เจ้าค่ะ
กราบขอบพระคุณพระพุทธองค์ ที่ทรงเมตตาแสดงธรรมให้ลูกได้ฟังทุกตอน
.. ลูกพอจะเข้าใจธรรมของวันนี้บ้างแล้วละเจ้าค่ะ
ลูกจะนำไปเผยแผ่ให้กับญาติธรรมทั้งหลาย- นักปฏิบัติธรรมทั้งหลาย ได้ศึกษาธรรมนี้ *
วันนี้ ลูกคงต้องกราบขอลาพระพุทธองค์ก่อนนะเจ้าคะ
แล้วลูกจะมาเฝ้าฟังธรรมในเรื่องอื่นๆ ตามหัวข้อที่พระองค์ทรงเมตตาต่อไป พระพุทธเจ้าค่ะ..
สาธุ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 08, 2019, 11:47:55 am โดย thanapanyo »

บันทึกการเข้า